การประกาศผลคัดเลือก 'บุคคลแห่งปี' ของนิตยสารไทม์ สื่อเก่าแก่ของสหรัฐอเมริกา จัดทำขึ้นเป็นประจำช่วงปลายปี โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ บุคคลแห่งปีที่ได้รับการคัดเลือกจาก 'กองบรรณาธิการ' และบุคคลที่ได้รับการลงคะแนนโหวตจาก 'ผู้อ่าน' นิตยสารไทม์ โดยปีนี้พบว่า ผู้มีคะแนนโหวตมากที่สุด และกลายเป็นบุคคลผู้ทรงอิทธิพลแห่งปี คือ วงบอยแบนด์ชื่อดังจากเกาหลีใต้ BTS โดยมีคะแนนร้อยละ 9 ของผู้ลงคะแนนผ่านเว็บไซต์ไทม์ช่วงเดือน พ.ย.ถึงต้นเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา
ผู้ที่ได้คะแนนมากเป็นอันดับ 2 คือ 'ดาวเคราะห์โลก' ซึ่งได้รับการเสนอชื่อจากผู้อ่านเนื่องจากมีผู้เห็นว่า สิ่งที่ทรงอิทธิพลต่อคนบนโลกใบนี้ ก็คือ 'โลก' นั่นเอง โดยคะแนนโหวตของดาวเคราะห์โลกน้อยกว่า BTS อยู่ประมาณร้อยละ 0.12 เท่านั้น
ส่วนบุคคลแห่งปีที่ได้คะแนนมากเป็นอันดับ 3 ได้แก่ 'ทีมช่วยเหลือ' ในภารกิจนำตัวสมาชิก 13 รายของทีมนักเตะฟุตบอลเยาวชน 'หมูป่า อะคาเดมี แม่สาย' ออกจากถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย หลังติดอยู่ข้างในถ้ำเป็นเวลานาน 18 วัน โดยทีมช่วยเหลือทีมหมูป่ามีคะแนนร้อยละ 6 ของผู้โหวตทั้งหมด
อันดับ 4 มีคะแนนร้อยละ 5 จากผลโหวตของผู้อ่านทั้งหมด ได้แก่ 'เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน' มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย ซึ่งถูกตั้งคำถามว่าอาจเป็นผู้บงการการฆาตกรรม 'จามาล คาชอกกี' ผู้สื่อข่าวชาวซาอุดีอาระเบีย อดีตที่ปรึกษาของราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งภายหลังกลายเป็นผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์นโยบายต่างๆ ของราชวงศ์อย่างจริงจัง โดยการฆาตกรรมคาชอกกีเกิดขึ้นอย่างอุกอาจในสถานกงสุลซาอุดีอาระเบียในนครอิสตันบูล ประเทศตุรกี
แม้ว่าทางสำนักพระราชวังซาอุดีอาระเบียจะปฏิเสธอย่างแข็งขันว่าเจ้าชายบิน ซัลมาน ไม่เกี่ยวข้องกับการสังหารคาชอกกี แต่การวางเฉยต่อเหตุการณ์ที่ผู้วิพากษ์วิจารณ์ราชวงศ์ถูกสังหารในสถานที่ราชการ ส่งผลให้ภาพลักษณ์ 'นักปฏิรูป' ของเจ้าชายบิน ซัลมาน ถูกตั้งคำถามอย่างหนักในแวดวงสื่อต่างประเทศและประเทศฝั่งตะวันตก
ขณะที่ 'มุนแจอิน' ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ มีคะแนนโหวตจากผู้อ่านไทม์สูงเป็นอันดับ 5 เนื่องจากเป็นบุคคลสำคัญที่ช่วยผลักดันให้เกิดการเจรจาสุดยอดผู้นำเกาหลี 2 ฝ่าย ซึ่งถูกมองว่าช่วยรื้อฟื้นกระบวนการสันติภาพในคาบสมุทรเกาหลีขึ้นมาใหม่ ทั้งยังเป็นตัวกลางเจรจาจนนำไปสู่การพูดคุยระหว่าง 'คิมจองอึน' ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ และ 'โดนัลด์ ทรัมป์' ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยคะแนนที่มุนแจอินได้รับจากการโหวตของผู้อ่าน คิดเป็นร้อยละ 4
ส่วนผู้ที่เป็น บุคคลแห่งปี จากการคัดเลือกของกองบรรณาธิการนิตยสารไทม์ประจำปีนี้ ก็คือ 'สื่อมวลชน' ที่ยอมเสี่ยงอันตรายอย่างใหญ่หลวงเพื่อตีแผ่ความจริงที่ยิ่งใหญ่กว่า
ทั้งนี้ คำนิยาม 'บุคคลแห่งปี' ของนิตยสารไทม์ ไม่ได้หมายถึงผู้ที่มีอิทธิพลต่อโลกในเชิงบวกเพียงอย่างเดียว แต่จะรวมถึงผู้ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงหรือผู้ที่ก่อให้เกิดผลกระทบใหญ่หลวงในเชิงลบต่อมนุษยชาติและประชาคมโลกด้วยเช่นกัน
ส่วนผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อจากผู้อ่านไทม์ในฐานะ 'บุคคลแห่งปี' รายอื่นๆ ส่วนใหญ่เป็นผู้นำจากประเทศต่างๆ เช่น ปธน. ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย อังเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และเรเจ็ป ทายยิป แอร์โดกัน ประธานาธิบดีตุรกี ทั้งยังรวมถึงผู้ทรงอิทธิพลทางศาสนาคริสต์อย่างสมเด็จพระสันตะปาปา หรือ 'โป๊ป' ฟรานซิส ประมุขคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิกพระองค์ปัจจุบัน
นอกจากนี้ ผู้มีชื่อเสียงในระดับประเทศ รวมถึงแวดวงกีฬาและบันเทิง ยังได้รับการเสนอชื่อจากผู้อ่านให้เป็นบุคคลแห่งปีของไทม์อีกหลายราย โดยแต่ละคนได้คะแนนโหวตที่ลดหลั่นกันลงไป เช่น เมแกน มาร์เคิล พระชายาในเจ้าชายแฮร์รี่แห่งสหราชอาณาจักร โคลิน เคปเปอร์นิก นักกีฬาอเมริกันฟุตบอลที่จุดกระแสคุกเข่าช่วงร้องเพลงชาติอเมริกันเพื่อประท้วงการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมต่อพลเมืองผิวสีของสหรัฐฯ เลดี้ กากา บียอนเซ่ อาริอานา กรานเด เทเลอร์ สวิฟต์ นักร้องหญิงชื่อดังชาวอเมริกัน รวมถึงเจฟ เบซอส มหาเศรษฐีเจ้าของกิจการอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของโลกอย่างแอมะซอน และมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารสื่อสังคมออนไลน์เฟซบุ๊ก
ที่มา: Huffington Post/ Time
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: