เจ้าหน้าที่ตำรวจในเขตซัลสเบอรีของอังกฤษยังไม่สรุปผลสอบสวนในคดีที่พันเอกเซอร์เก สกริปัล อดีตสายลับรัสเซียวัย 66 ปี พร้อมด้วยลูกสาว ถูกพบนอนหมดสติอยู่บนม้านั่งของศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา และแพทย์ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าทั้งคู่ได้รับสารทำลายประสาทไม่ทราบชนิด และมีอาการเข้าขั้นวิกฤต
ตำรวจสันนิษฐานด้วยว่าสกริปัลและลูกสาวอาจตกเป็นเป้าโจมตีของรัสเซีย เนื่องจากเขาเคยถูกศาลรัสเซียตัดสินจำคุก 13 ปีด้วยข้อหาเปิดเผยข้อมูลลับของทางการรัสเซียให้แก่หน่วยสืบราชการลับของอังกฤษ และหลังจากที่เขาได้รับการปล่อยตัวเมื่อปี 2553 ก็ได้ขอลี้ภัยมาพำนักอาศัยในอังกฤษ จนกระทั่งเกิดเหตุลอบวางยาพิษดังกล่าว
ทางการรัสเซียปฏิเสธข้อสันนิษฐานของตำรวจอังกฤษ ขณะที่สื่อรัสเซียระบุว่าถ้าหากหน่วยงานรัฐบาลต้องการฆ่าสกริปัลจริงก็ไม่จำเป็นต้องรอให้เขาลี้ภัยไปอังกฤษ
จากกรณีของสกริปัล ทำให้สำนักข่าวดอยเชอเวลเลอรวบรวมสารพิษทำลายประสาทและสารอันตรายอื่นๆ ที่เคยมีผู้ใช้ในการก่อเหตุทำร้ายหรือลอบสังหารบุคคลสำคัญทั่วโลก เพื่อเทียบเคียงว่าเกี่ยวพันกับสารพิษประเภทใด และมีที่มาอย่างไร
1. โพโลเนียม 210
อเล็กซานเดอร์ ลิตวิเนนโก อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของรัสเซียซึ่งเสียชีวิตที่กรุงลอนดอนของอังกฤษเมื่อเดือน พ.ย. 2549 ถูกลอบสังหารด้วยสารกัมมันตรังสีโพโลเนียม 210 ซึ่งผลสอบสวนบ่งชี้ว่ามีผู้ผสมโพโลเนียมฯ ในน้ำชาให้เขาดื่ม ทำให้เขาล้มป่วยหนักและเสียชีวิตใน 23 วัน ผลสอบสวนนานเกือบ 10 ปีบ่งชี้ว่าหน่วยงานรัฐบาลรัสเซียเกี่ยวข้องกับการลอบสังหารลิตวิเนนโก
ทั้งนี้ โพโลเนียม 210 มีครึ่งชีวิต*ประมาณ 138 วัน และเป็นสารที่ไม่อาจจัดซื้อจัดหาได้ตามแหล่งสารเคมีทั่วไป การจะได้มาซึ่งโพโลเนียม 210 ประมาณ 100 นาโนกรัม ต้องใช้กากนิวเคลียร์หรือแร่ยูเรเนียมหลายร้อยกิโลกรัม แต่โพโลเนียมฯ สามารถเก็บใส่หีบห่อทั่วไปได้โดยกัมมันตรังสีไม่รั่วไหลออกมา แต่หากกินหรือสูดดมเข้าไป โพโลเนียมฯ จะมีฤทธิ์ทำลายหลอดลมและเม็ดเลือดขาว ทำให้ผู้ได้รับสารเสียชีวิตในเวลาไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์
2. ไรซิน
เป็นสารพิษประเภทโปรตีนซึ่งสามารถสกัดได้จากเมล็ดละหุ่ง เป็นพิษต่อร่างกายถึงขั้นเสียชีวิตในกรณีที่บริโภค สูดดม หรือฉีดเข้าเส้นเลือด เนื่องจากสารพิษในไรซินจะยับยั้งการสังเคราะห์โปรตีนของร่างกาย ส่งผลให้ระบบอวัยวะภายใน เช่น ตับ ไต และหัวใจล้มเหลว ผู้ได้รับไรซินเข้าไปจะเสียชีวิตในเวลาไม่กี่วัน
คดีที่เกี่ยวข้องกับการลอบสังหารโดยใช้ไรซิน ได้แก่ คดีลอบสังหาร จอร์จี มาร์คอฟ นักเขียนและนักจัดรายการเสียดสีระบอบคอมมิวนิสต์ชาวบัลแกเรีย ซึ่งลี้ภัยมาอยู่ในอังกฤษ แต่เขาถูกหน่วยสังหารของอดีตผู้นำเผด็จการบัลแกเรียยิงกระสุนบรรจุสารไรซินเข้าที่ขาเมื่อปี 2521 ทำให้เขาเสียชีวิตในเวลา 3 วันต่อมา
(คิมจองนัม พี่ชายต่างแม่ของคิมจองอึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ถูกลอบสังหารที่มาเลเซีย)
3. วีเอ็กซ์
สารที่มีฤทธิ์ทำลายประสาท 'วีเอ็กซ์' เพิ่งตกเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลกเมื่อวันที่ 13 ก.พ.ปีที่แล้ว เนื่องจากสารดังกล่าวเป็นสาเหตุให้ 'คิมจองนัม' พี่ชายต่างมารดาของคิมจองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ เสียชีวิต โดยเหตุเกิดขึ้นที่สนามบินนานาชาติในกรุงกัวลาลัมเปอร์ของประเทศมาเลเซีย
ผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นหญิงชาวอินโดนีเซีย 1 ราย และหญิงชาวเวียดนาม 1 ราย ให้การสารภาพว่าถูกหลอกให้พ่นสเปรย์ใส่หน้าคิมจองนัม โดยทั้งคู่คิดว่าเป็นการถ่ายทำรายการจัดฉากแกล้งคนเพื่อนำไปเผยแพร่ทางโทรทัศน์ แต่คิมจองนัมเสียชีวิตในเวลาไม่นานหลังจากถูกพ่นสารวีเอ็กซ์ใส่หน้า ส่วนผู้ก่อเหตุทั้งคู่ถูกจับกุมและควบคุมตัวระหว่างรอการพิจารณาคดี
วีเอ็กซ์เป็นสารทำลายประสาทที่รานาจิต กอช นักเคมีซึ่งทำงานให้กับบริษัทบีไอซีไอของอังกฤษค้นพบระหว่างทดลองผลิตยาฆ่าแมลงเมื่อราวทศวรรษที่ 1950 และเป็นสารห้ามจำหน่ายในหลายประเทศ เพราะมีพิษร้ายแรงถึงชีวิต โดยสารวีเอ็กซ์เพียง 0.4 มิลลิกรัมก็สามารถทำให้ผู้สูดดมหรือบริโภคเสียชีวิตได้ทันที
4. โบท็อกซ์
โบทูลินั่ม ท็อกซิน ซึ่งมีชื่อการค้าว่า 'โบท็อกซ์' เป็นสารสกัดจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินัม เป็นสารพิษออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท มีผลให้กล้ามเนื้อเป็นอัมพาตชั่วคราว ซึ่งแม้โบท็อกซ์จะเป็นที่รู้จักกันดีในแวดวงเสริมความงาม แต่ที่จริงแล้วโบท็อกซ์ถูกจัดว่าเป็นอาวุธชีวภาพที่เป็นอันตรายมาก เพราะโบท็อกซ์แค่ 0.3 ไมโครกรัมก็สามารถทำให้ผู้ได้รับสารเสียชีวิตได้ และในสมัยซัดดัม ฮุสเซน ปกครองอิรัก มีการทดลองใช้โบท็อกซ์ผลิตอาวุธเคมีชีวภาพเช่นกัน
ความพยายามใช้โบท็อกซ์ก่อเหตุลอบสังหารที่เคยปรากฎในหน้าประวัติศาสตร์ อ้างอิงจากหนังสือกึ่งชีวประวัติของ ฟาเบียน เอสกาลันเต อดีตผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองของคิวบา ระบุว่าหน่วยงานลับของสหรัฐฯ เคยใช้ซิการ์ปนเปื้อนโบท็อกซ์พยายามลอบสังหารฟิเดล กาสโตร อดีตผู้นำการปฏิวัติและอดีตผู้นำคิวบา
ส่วนแบคทีเรีย คลอสตริเดียม โบทูลินัม ที่พบในอาหาร เป็นสาเหตุให้เกิดอาการป่วยด้วยโรคอาหารเป็นพิษขั้นรุนแรงได้
5. บีทีเอ็กซ์
บาทราโชท็อกซิน หรือบีทีเอ็กซ์ เป็นสารพิษทำลายระบบประสาทที่มีสเตียรอยด์อัลคาลอยด์เป็นองค์ประกอบ ส่งผลให้ผู้ได้รับสารนี้เพียง 0.2 กรัมเข้าสู่เส้นเลือดก็จะถึงแก่ความตายในเวลาไม่นาน เพราะบีทีเอ็กซ์มีฤทธิ์ทำให้ผู้ได้รับมีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ กระทบต่อกล้ามเนื้อหัวใจ ถึงขั้นหัวใจวาย
บีทีเอ็กซ์ที่พบในธรรมชาติจะอยู่ในกบลูกศรพิษ (Poison Dart Frog) ซึ่งพบตามเขตป่าฝนในแถบอเมริกาใต้และอเมริกากลาง โดยมีรายงานว่าชนพื้นเมืองดั้งเดิมใช้ลูกธนูอาบพิษจากกบนี้ในการล่าสัตว์ เพราะทำให้สัตว์ใหญ่ตายได้ในเวลาอันรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม ยังไม่เคยมีรายงานการลอบสังหารมนุษย์โดยใช้สารบีทีเอ็กซ์มาก่อน
หมายเหตุ
*ครึ่งชีวิต คือระยะเวลาที่ธาตุกัมมันตรังสีสลายตัวเหลือเพียงครึ่งหนึ่งของปริมาณเดิม
อ่านเพิ่มเติม: