อาร์เจนตินาประสบปัญหาทางเศรษฐกิจมานานหลายปี และปัจจุบันนี้มีประชากรส่วนใหญ่ตกอยู่ในภาวะยากจน ทั้งนี้ รัฐบาลพยายามจัดการกับการขึ้นราคาของสินค้า โดยการจำกัดราคาอาหารและผลิตภัณฑ์อื่นๆ อย่างไรก็ดี ภาคอาหารและเครื่องดื่มกลับปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากในรอบล่าสุด โดยมีราคาเพิ่มขึ้นกว่า 9.8% ในเดือน ก.พ. เมื่อเทียบกับเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา

สำนักข่าวท้องถิ่น Ambito ของอาร์เจนตินารายงานว่า การเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าอุปโภคบริโภคส่วนหนึ่ง อาจเป็นผลมาจากราคาเนื้อสัตว์ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 20% ในช่วง 1 เดือน นอกจากนี้ สภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย คลื่นความร้อนที่เกิดขึ้นอย่างยาวนาน และความแห้งแล้ง ยังส่งผลกระทบอย่างหนักต่อภาคปศุสัตว์และการผลิตพืชผล

แม้ว่าสัญลักษณ์ของอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งเกิน 100% จะเห็นได้อย่างเด่นชัด แต่ผลกระทบของอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น เป็นรู้สึกได้มานานแล้วในบรรดาประชาชนชาวอาร์เจนตินา โดยเมื่อเดือน ก.ย.ปีที่แล้ว กลุ่มผู้ประท้วงได้ออกมาตามท้องถนน เพื่อเรียกร้องให้มีการจัดการกับราคาค่าครองชีพที่สูงขึ้น และในเดือน ก.พ. ธนาคารกลางของอาร์เจนตินากล่าวว่า หน่วยงานจะมีการออกธนบัตรใหม่มูลค่า 2,000 เปโซ (ประมาณ 340 บาท) เพื่อตอบสนองต่อการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าอุปโภคบริโภค

รัฐบาลอาร์เจนตินาพยายามควบคุมอัตราเงินเฟ้อมานาน แต่ความแตกแยกได้ทำลายนโยบายเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งนี้ ในช่วงฤดูร้อนที่แล้วมีรัฐมนตรีเศรษฐกิจ 3 คนเข้ามาแทนที่กันใหม่ในช่วงเวลา 4 สัปดาห์ ในขณะที่วิกฤตเศรษฐกิจของอาร์เจนตินาทวีความรุนแรงขึ้น และมีการกล่าวกันว่า อัลแบร์โต เฟร์นันเดซ ประธานาธิบดีอาร์เจนตินา มีความขัดแย้งกับ คริสตินา เฟอร์นันเดซ เด เคียร์ชเนอร์ รองประธานาธิบดีอาร์เจนตินา เกี่ยวกับวิธีจัดการกับปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ

ในเดือน ธ.ค. กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้อนุมัติเงินช่วยเหลืออีก 6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 2 แสนล้านบาท) การมอบเงินจำนวนดังกล่าว เป็นเงินกู้เพื่อความช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจครั้งล่าสุดสำหรับอาร์เจนตินา ในโครงการระยะเวลา 30 เดือน ที่คาดว่าจะต้องกู้เงินสูงถึง 4.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท)

ที่มา:

https://www.bbc.com/news/world-latin-america-64960385?fbclid=IwAR0ypgI8pHgXnCLGzTrYty_Op2ZD7_sjQepC0UTJBX0ufeMfOOq7H0TZ8uk