นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. เปิดเผยว่า ล่าสุด ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษบุคคลสัญชาติจีนรวม 7 ราย ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ ปอศ. กรณีประกอบธุรกิจหลักทรัพย์โดยไม่ได้รับใบอนุญาต
หลังจากเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ก.ล.ต. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบโรงแรมแห่งหนึ่งใน อ.เมือง จ.อุบลราชธานี พบบุคคลสัญชาติจีนจำนวนมาก พร้อมอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ซึ่งแสดงหน้าจอการซื้อขายหลักทรัพย์ในต่างประเทศ
โดย ก.ล.ต. ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพิ่มเติมพบว่า บุคคลสัญชาติจีนรวม 7 ราย ได้แก่ 1.นายเค่อ ซิ เหว่ย 2.นายโจ โจ 3.นายเฉิง เจีย 4.นายหลู หยาง หยิน 5.นายอู่ จิน เฉิง 6.นายเฉิน เซียวเซียง และ 7.นายซิน เย่ ได้ใช้สถานที่ดังกล่าวเป็นฐานในการติดต่อชักชวนผู้ลงทุนในต่างประเทศให้ซื้อขายหุ้นต่างประเทศ พร้อมพบข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์ ข้อความเชิญชวน และข้อมูลการติดต่อกับผู้ลงทุน ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวเข้าข่ายเป็นการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ ประเภทการเป็นที่ปรึกษาการลงทุนในประเทศไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต
นอกจากนี้ ยังพบข้อสงสัยว่า บุคคลข้างต้นอาจมีพฤติกรรมซื้อขายหุ้นแทนลูกค้า ซึ่งเข้าข่ายการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ในประเทศไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต
โดยการกระทำของบุคคลข้างต้นถือเป็นความผิดตามมาตรา 90 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งมีระวางโทษตามมาตรา 289 แห่งพระราชบัญญัติฉบับเดียวกัน คือ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2-5 ปี และปรับตั้งแต่ 200,000-500,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 10,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน ดังนั้น ก.ล.ต. จึงกล่าวโทษบุคคลดังกล่าว และชี้เบาะแส ต่อ ปอศ.
ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากการลงทุนกับบุคคลดังกล่าว โปรดแจ้งข้อมูลเพิ่มเติมไปยัง ปอศ. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2237-1199 เพื่อให้สอบสวนและดำเนินคดีต่อไป
"ก.ล.ต. จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด หากพบมีผู้ใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการชักชวนให้คนลงทุนในหลักทรัพย์ ซึ่งเข้าข่ายการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์โดยไม่มีใบอนุญาต และอาจเป็นการกระทำที่เข้าข่ายผิดกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์ในต่างประเทศ หากมีผู้พบเห็นหรือมีเบาะแสในการกระทำผิดในลักษณะดังกล่าว โปรดแจ้ง Help Center ของ ก.ล.ต. เพื่อการดำเนินการตรวจสอบต่อไป" นายรพี กล่าว
สำหรับกลุ่มผู้ถูกกล่าวโทษ ตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ ดังกล่าว สืบเนื่องจากเหตุการณ์การเข้าจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยพล.ต.ต.ธนิตศักดิ์ ศิริพัฒน์ธนภาค ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่แรงงานจังหวัด เจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย สาขาจังหวัดอุบลราชธานี และทหารจากกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดอุบลราชธานี เข้าตรวจค้นแมนชั่นแห่งหนึ่ง ความสูง 3 ชั้น ตั้งอยู่ถนนชลประทาน-ท่าบ่อ ซอย 15 ต.ในเมือง อ.เมืองอุบลราชธานี
หลังได้รับแจ้งจากประชาชนระบุว่า มีกลุ่มชาวจีนทั้งหญิงและชายจำนวนมาก มาเปิดห้องพักอาศัย และผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาใช้บริการเครื่องอินเตอร์เน็ตออนไลน์ไปยังที่ต่างๆ อย่างน่าสงสัย โดยบางรายถึงกับซื้ออาหาร เครื่องดื่มมานั่งรับประทานระหว่างเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
ตำรวจอุบลฯ ตรวจพบชาวจีนวัย 20-40 ปี กว่า 160 คนเข้าร่วมกระบวนการปั่นหุ้นจีน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าตรวจค้นพบชาวจีนแผ่นดินใหญ่ อายุระหว่าง 20-40 ปี จำนวน 166 คน อยู่ในแมนชั่นดังกล่าว โดยกำลังออนไลน์อยู่กับเครื่องคอมพิวเตอร์บริเวณชั้นล่างจำนวน 119 เครื่อง และที่ห้องโถงชั้นที่ 3 มีการติดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ไว้อีกจำนวน 76 เครื่อง โดยคอมพิวเตอร์ทั้งหมดมีการลงโปรแกรมใช้ดูตารางหุ้นของตลาดหุ้นในประเทศจีน
อีกทั้ง ยังมีห้องคอมพิวเตอร์ชั้นที่ 3 พบเป็นห้องประชุมขนาดความจุคนได้ 150-200 คน จึงเข้าควบคุมตัวชาวจีนทั้งหมดไว้ พร้อมขอตรวจสอบเอกสารการเข้าเมืองพบว่า ทั้งหมดมีพาสปอร์ต เดินทางมาจากหลายเมืองของจีนแผ่นใหญ่ เพื่อเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศ โดยเดินทางเข้าประเทศไทย เมื่อประมาณต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา
จากการสอบสวนผู้ต้องสงสัยกลุ่มดังกล่าวบางคนให้การว่า ได้รับการว่าจ้างจากนายทุนชาวจีน ให้มาซื้อขายหุ้นในตลาดหุ้นจีน ผ่านคอมพิวเตอร์ โดยให้มาพักอาศัยอยู่ที่แมนชั่นดังกล่าวบริเวณชั้นที่ 2 และชั้นที่ 3 ห้องละ 4 คน และได้ค่าตอบแทนคนละ 15,000 บาทต่อเดือน ซึ่งได้เข้ามาทำการปั่นหุ้นยังไม่ถึง 1 เดือน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็บุกเข้าตรวจค้น
ทุกเช้ารับออเดอร์นายทุน พร้อมถือ 6-8 ซิมต่อคน โทรสั่งซื้อ-ขายหุ้นในตลาดหุ้นจีน
สำหรับวิธีการคือ ก่อนเปิดตลาดหุ้นของประเทศจีนในแต่ละวัน จะมีการประชุม เพื่อรับคำสั่งจากนายทุนให้คนทั้งหมดจับตาไปที่หุ้นตัวไหน หลังจากนั้น จะได้รับคำสั่งให้เข้าไปทำการสั่งซื้อหุ้น โดยแต่ละคนจะได้รับแจกโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง พร้อมซิมการ์ดแบบใช้อินเตอร์เน็ต 6-8 ซิมต่อคน เพื่อใช้ในการสั่งซื้อหุ้น หลังจากซื้อหุ้นตัวนั้นไปแล้ว ก็จะได้รับคำสั่งให้ทำการขายหุ้น เมื่อหุ้นมีราคาสูงขึ้นแล้ว
โดยแต่ละวันกลุ่มคนจีนเหล่านี้ มีหน้าที่ทำตามคำสั่งจากนายทุน ที่จะโทรศัพท์สั่งการเข้ามาผ่านหัวหน้าสาย ก็เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจ
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นพนักงานสอบสวนยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาใดกับกลุ่มคนจีนเหล่านี้ เนื่องจากไทยยังไม่มีกฏหมายการปั่นหุ้นข้ามประเทศ จึงได้ทำบันทึกปากคำและทำประวัติคนจีนกลุ่มนี้ ก่อนผลักดันออกนอกประเทศ เมื่อครบกำหนดวันเดินทางเข้ามาอยู่ในประเทศไทยแล้ว
ขณะเดียวกันพนักงานสอบสวนจะได้เชิญตัวเจ้าของแมนชั่นที่คนจีนเหล่านี้มาพักอาศัยและใช้เป็นสถานที่ปั่นหุ้นมาให้ปากคำช่วงวันเวลาที่มาเช่าพัก เพื่อใช้เป็นหลักฐานแวดล้อมด้วย
ล่าสุด 'วอยซ์ ออนไลน์' สอบถามกับพล.ต.ต.ธนิตศักดิ์ ศิริพัฒน์ธนภาค ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี ระบุว่า หลังจากการจับกุมเมื่อวันที่ 9 พ.ค. ที่ผ่านมา ท้องถิ่นก็ได้นำส่งผู้ต้องสงสัยทั้งหมดให้กับตำรวจท่องเที่ยว เพื่อนำตัวผู้ต้องสงสัยส่งให้ตำรวจตรวจคนเข้ามา ก่อนจะเพิกถอนวีซ่านักท่องเที่ยวในวันรุ่งขึ้น
โดยขณะนี้ คดีดังกล่าวอยู่ในความดูแลของพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ ปอศ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :