วันที่ 9 ธ.ค. ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ภาคีนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน พร้อมด้วยผู้เสียหายที่ถูกออกหมายเรียกจาก สน.ชนะสงคราม กรณีการชุมนุมที่ท้องสนามหลวงเมืองวันที่ 19-20 ก.ย. ที่ผ่านมา เข้ายื่นฟ้องคดีต่อ พ.ต.ท.โชคอำนวย วงษ์บุญฤทธิ์ (รองผู้กำกับสอบสวน สน.ชนะสงคราม) ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่มิชอบตามมาตรา 157 และข้อหากลั่นแกล้งให้เป็นคดี ตามมาตรา 200 เนื่องจากออกหมายเรียก วสันต์ เสดสิทธิ์ และสุวิชชา พิทังกร อดีตนักศึกษากลุ่มดาวดินให้มารายงานตัวกรณีที่มีส่วนร่วมในการชุมนุมในวันดังกล่าว
โดยในวันที่ 3 พ.ย. วสันต์ เสดสิทธิ์ และสุวิชชา ได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาที่ สน.ชนะสงคราม แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่ได้เข้าร่วมการชุมนุมแต่อย่างใด ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายเรียกพวกเขาจากการดูภาพขณะที่ผู้ชุมนุมเข้าพังรั้วเหล็กที่สนามหลวงในช่วงบ่ายของวันที่ 19 ก.ย. โดยภาพที่ถูกนำมาเป็นหลักฐานนำเป็นภาพของบุคคลสองคนที่ปิดบังใบหน้า
ในส่วนของสุวิชชา เขาได้นำพยาน และหลักฐานมายืนยันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าตนไม่ได้เดินทางมาที่สนามหลวงในช่วงที่มีการชุมนุม โดยในวันเวลาดังกล่าวนั้นเขามีหลักฐานชัดเจนว่า ทำงานอยู่ต่างจังหวัด สุดท้ายพนักงานสอบสวน ได้ลงบันทึกประจำเพียงแค่ เขาได้มาพบกับพนักงานสอบสวนแล้ว แต่ไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาตามหมายเรียก และไม่ได้สอบปากคำเขาแต่อย่างใด
แต่ในส่วนของวสันต์ เขาไม่มีพยานหลักฐานมายืนยันเหมือนกับสุวิชชา พนักงานสอบสวนได้ลงบันทึกประจำวันไว้ว่าเขาได้ถูก พ.ต.ท.โชคอำนวย แจ้งข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 215 ฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ โดยเขาให้การปฏิเสธทั้งสองข้อหา
ทั้งนี้หลังจากยื่นฟ้อง พ.ต.ท.โชคอำนวย ต่อศาลเรียบร้อยแล้ว วสันต์เปิดเผยว่า ศาลจะมีนัดฟังคำสั่งว่าจะรับไว้พิจารณาหรือไม่ในวันที่ 18 ม.ค. 2564 เวลา 09.30 น. นอกจากนี้เขายังระบุด้วยว่า รู้สึกว่าการถูกออกหมายเรียกครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานไม่รอบคอบ เพราะยังไม่มีข้อมูลหลักฐานที่ชัดเจน แต่กลับออกหมายเรียกตน และเพื่อนมารับทราบกล่าวหาแล้ว ซึ่งการกระทำในลักษณะนี้ถือเป็นการกลั่นแกล้งประชาชน นอกจะทำให้ตนมีคดีแล้ว ยังทำให้เสียเวลา และเสียเงินในการเดินทางจากต่างจังหวัด เพื่อมาสู้คดีที่กรุงเทพฯ