วิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา และประธานคณะทำงานด้านการเกษตรพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีข้าวถุงประกาศปรับขึ้นราคาในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ ว่าการพาเรดขึ้นราคาสิ้นค้าหลายรายการจนนับไม่ถ้วนคือความไร้ประสิทธิภาพด้านการบริหารจัดการของรัฐบาล และกรณีการปรับขึ้นราคาข้าวถุงคือตัวอย่างที่ชัดเจนของความล้มเหลวนี้ เพราะ ‘ข้าว’ คือสินค้าที่รัฐบาลดูแลควบคุมราคาไว้ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำเบ็ดเสร็จด้วยตัวเอง แต่กลับปล่อยให้เกิดปัญหาซ้ำซากทุกข้อต่อของห่วงโซ่การผลิต ทำประชาชนทั้งแผ่นดินเดือดร้อน
นายวิสุทธิ์ กล่าวอีกว่า ข้าวเปลือกจากมือเกษตรกรต้นน้ำ ปรากฎราคาตกต่ำทีสุดในรอบ 10 ปี ขายได้ราคาเพียง 1 ใน 3 เมื่อเปรียบเทียบกับยุครัฐบาลไทยรักไทย รัฐบาลพลังประชาชน และรัฐบาลเพื่อไทยทำไว้ ในขณะที่องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ระบุราคาอาหารต้นน้ำทั่วโลก โดยเฉพาะข้าวสาลีมีราคาเพิ่มขึ้นเกือบ 40% แต่ชาวนาไทยปัจจุบัน ขายข้าวเปลือก 1 กิโลกกรัม ยังไม่พอซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 1 ห่อเท่านั้น มาจนถึงปลายน้ำ คือการควบคุมราคาขายข้าวสารในตลาด รัฐบาลก็ยังไม่สามารถทำให้ราคาลดลงหรืออย่างน้อยที่สุดอยู่ในระดับเดิม ยังไม่นับรวมปัจจัยการผลิต อาทิ ปุ๋ย เมล็ดพันธุ์ น้ำมัน ก็ประสบปัญหาการปรับราคาสูงขึ้น 1-3 เท่าตัว เพราะการจัดการของรัฐบาลที่ล้มเหลวทั้งสิ้น ความอดทนของประชาชนขณะนี้เหมือนระเบิดเวลา รอวันที่จะประทุ เพราะทนกับรัฐบาลที่ไม่เห็นคุณค่าชีวิตและไม่รู้สึกร้อนหนาวกับความเดือดร้อนของประชาชน
“โลกกำลังเผชิญปัญหาแบบใหม่ คือวิกฤตการณ์อาหารโลก ประเทศไทยก็ต้องมีวิธีการแบบใหม่ในการรับมือพาประเทศพ้นวิกฤติ หากเพื่อไทยได้เข้าบริหารประเทศ เราจะทำงานเชิงรุก ไม่ใช่ตั้งรับ เพราะเราคาดการณ์อนาคต มองเห็นปัญหา มีแผนล่วงหน้า เราจะไม่แก้ปัญหาไปวันๆ เพราะเรามีหัวใจคือประชาชน” นายวิสุทธิ์ กล่าว