นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยชุดปัจจุบัน ประกาศยุติบทบาท การทำหน้าที่ของตน เพื่อให้พรรคจัดการประชุมใหญ่วิสามัญของพรรค เชิญนักการเมืองของพรรคและสมาชิกพรรรคเข้าหารือและเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ เพื่อมาทำหน้าที่แบกรับภารกิจในสถานการณ์การเมืองใหม่ช่วงปัจจุบัน
คณะกรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบัน ยืนหยัดอยู่กับพรรคมาโดยตลอดไม่เคยทอดทิ้งไปไหนเพื่อแบกรับภารกิจมาอย่างต่อเนื่อง ในการสนับสนุนและประคับประคองรัฐบาลประชาธิปไตย ที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งขึ้น และเผชิญกับ ช่วงวิกฤติการณ์ทางการเมืองของประเทศ ในช่วงที่มีการชัตดาวน์ประเทศ สมัยรัฐบาลประชาธิปไตย ของอดีตนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ จบลงด้วยการเผชิญหน้ากับ คณะรัฐประหาร ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา
คณะกรรมการบริหารพรรค ชุดนี้ได้แบกรับภารกิจต่อเนื่อง ในการนำพาพรรคเพื่อไทย ยืนหยัดทำหน้าที่ของตน ในการรักษาอุดมการณ์ประชาธิปไตย ประคับประคองพรรค ในช่วงวิกฤติประเทศ ที่อยู่ภายใต้การบริหารและปกครอง ของคณะรัฐประหารต่อเนื่องตลอดมาตราบจนกระทั่ง เกิดการผ่อนคลายสถานการณ์ ทางการเมืองครั้งใหม่ ให้มีการเลือกตั้งทั่วไป ภายใต้รัฐธรรมนูญและกติกาใหม่ ที่คณะคสช. อำนวยการให้มีการจัดทำขึ้น
คณะกรรมการบริหารชุดปัจจุบัน จึงได้แบกรับภารกิจต่อเนื่องอีกครั้ง ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายพรรคการเมืองใหม่หลัง คสช. ประกาศ จะคืนอำนาจให้ประชาชน และจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ เมื่อ 24 มีนาคม 2562 และได้นำพรรคเพื่อไทย ฝ่าอุปสรรคจนได้รับชัยชนะเป็นพรรคการเมือที่มีเสียงข้างมากที่สุดเป็นพรรคอันดับหนึ่ง ในสภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบัน แต่ด้วยกติกาภายใต้รัฐธรรมนูญใหม่ ที่เปลี่ยนแปลงไปจาก กติกาทางการเมืองที่เป็นปกติ แบบเดิมๆ ถึงแม้พรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้ง ได้ที่นั่งส.ส. เป็นจำนวนมากที่สุด แต่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลขึ้นมาบริหารประเทศได้ และไม่มีคณะผู้บริหารพรรค ที่ลงสมัครส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อได้เข้าสภาแม้แต่คนเดียว
นายภูมิธรรม ระบุว่าหลังการเลือกตั้งครั้งนี้เสร็จสิ้น พรรคเพื่อไทยได้ร่วมมือกับพรรคการเมืองฟากฝ่ายประชาธิปไตย 7พรรคการเมือง จัดตั้งแนวร่วมฝ่ายค้าน ของ 7 พรรคการเมือง ฝ่ายประชาธิปไตยขึ้นเพื่อแบกรับภารกิจใหม่ เป็นพรรคฝ่ายค้านทำหน้าที่ทางการเมืองต่อจากนี้ไปนับเป็นการยุติบทบาท ของคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ชุดปัจจุบันลงอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่ วันที่ 3 กรกฎาคม 2562
ภารกิจต่อจากนี้ไป เป็นภาระของคนรุ่นหลังที่จะเข้ามาแบกรับภารกิจใหม่ ในสถานการณ์ทางการเมืองใหม่ ที่กำลังจะดำเนินต่อไป ส่วนตัวผม ไม่เคยยึดติดกับตำแหน่ง วันนี้ผมคิดว่าพี่น้องประชาชนเอือมระอากับการต่อรองตำแหน่งมากพอแล้ว
ผมเชื่อเสมอว่าไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใดหรือ อยู่ในสถานะใด บทบาทใดผมก็สามารถที่จะทำงานเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของพี่น้องประชาชนได้เสมอ ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงนับตั้งแต่ตัดสินใจเข้ามาทำงานการเมือง
"สุดท้ายต้องขอบคุณสมาชิกพรรคและนักการเมืองของพรรคทุกคน ที่ได้ให้ความสนับสนุนและร่วมมือในการทำงานการเมืองร่วมกันมา และเหนือสิ่งอื่นใด ต้องขอขอบคุณทุกการสนับสนุนและ ทุกความห่วงใยที่พี่น้องประชาชนมีและมอบให้พรรคเพื่อไทย และคณะทำงานชุดพวกผมเสมอมา ยังต้องพบกันอีก เมื่อ���ารกิจยังไม่เสร็จสิ้น" นายภูมิธรรม ระบุ
โดยในวันนี้ (3 ก.ค.) นายภูมิธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และนางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ รักษาการโฆษกพรรค กล่าวในช่วงหนึ่งในขณะแถลงข่าวภายหลังจากประชุมกรรมการบริหารพรรค เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ส่วนอนาคต หากมีพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยอื่นมาชวนไปอยู่ด้วย นายภูมิธรรมตอบว่า ยังไม่อยากพูดถึงอนาคต แต่ถ้าพรรคไหนมีอุดมการณ์ประชาธิปไตยเหมือนกันก็ทำงานร่วมกันได้
นอกจากนี้ ยังปฏิเสธว่าการเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรคครั้งนี้ ไม่ใช่การ Rebrand พรรค เพราะส่วนตัวยังไม่คิดว่าพรรคเพื่อไทยเก่าหรือล้าสมัย แต่เป็นพรรคที่มีอุดมการณ์ยึดโยงกับประชาชน ตนเชื่อว่าประชาธิปไตยเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำให้ประชาชนกินดีอยู่ดี อีกอย่างคือพรรคยังยึดโยงกับประชาชน คิดนโยบายที่ตอบโจทย์ประชาชน และพรรคยังเท่าทันการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งการปรับคณะกรรมการบริหารพรรคครั้งนี้ ไม่ใช่การปรับเพื่อเข้าไปทำงานในสภาอย่างเดียว แต่พรรคปรับตัวเองอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ส่วนจำนวนกรรมการบริหารพรรคจะมีเท่าเดิมหรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ แต่ส่วนตัวมองว่าจากประสบการณ์ที่ผ่านมา จำนวนกรรมการบริหารพรรค 29 คนเหมาะสมกับประสบการณ์ของพรรคที่ถูกโจมตีทางการเมือง โดนยุบพรรค และทำให้กรรมการบริหารพรรคโดนตัดสิทธิ์ไปหลายร้อยคน
นายภูมิธรรม กล่าวทิ้งท้ายว่า การเมืองใหม่ควรจะเป็นการเมืองซึ่งใช้ตำแหน่งหน้าที่ที่มีอยู่ทำงาน ไม่ใช่ยึดมั่นแต่ผลประโยชน์ของตนมาแย่งชิงตำแหน่งของตัวเอง เพราะหากเป็นเช่นนั้น ประชาชนก็จะเสียศรัทธา มาวันนี้ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกอะไร แม้จะไม่มีตำแหน่งใดๆ แต่ยังเป็นคนการเมือง ยังสามารถทำงานการเมืองได้ ยังสามารถทำประโยชน์ให้กับสังคมและสามารถวิพากษ์วิจารณ์สิ่งที่ไม่ถูกต้องได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :