พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ลงนามร่วมกับ นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ ในบันทึกข้อตกลงในโครงการจัดสวัสดิการในเชิงธุรกิจของกองทัพบก เพื่อให้การใช้ที่ราชพัสดุของกองทัพบก (ที่ดิน อาคาร และสิ่งปลูกสร้าง) เป็นไปตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยมีนายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นพยาน
ทั้งนี้ การจัดสวัสดิการภายในกองทัพบก ดำเนินการภายใต้กรอบระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ พ.ศ. 2547 เช่น สถานีบริการน้ำมัน ร้านค้า ตลาดนัด กิจการสโมสร สนามมวย สนามกอล์ฟ สนามม้า และสถานพักฟื้นพักผ่อนกองทัพบก
เนื่องจากที่ผ่านมา แม้กองทัพบกจะเน้นให้บริการหรือจำหน่ายสินค้าที่มีคุณภาพและราคาถูกกับกำลังพล กองทัพบกและครอบครัว ส่งผลให้บุคคลทั่วไปให้ความสนใจมาใช้บริการและซื้อสินค้าในกิจการสวัสดิการของกองทัพบกด้วยจำนวนมาก และเมื่อผลประกอบการดี จึงอาจทำให้สินค้าและบริการมีราคาถูกลง
ดังนั้นในกรณีที่บุคคลภายนอกทั่วไปมาใช้บริการมากกว่าสมาชิก (กำลังพลของกองทัพบกและครอบครัว) จึงให้ดำเนินการในรูปแบบการจัดสวัสดิการในเชิงธุรกิจ ซึ่งต้องขออนุญาตเช่าที่ราชพัสดุ จากกรมธนารักษ์ ซึ่งรายได้ ที่เกิดขึ้นจากการจัดสวัสดิการในเชิงธุรกิจ จะถูกนำส่งเป็นค่าเช่าและค่าธรรมเนียมให้แก่กรมธนารักษ์ส่วนหนึ่งตามบันทึกข้อตกลง
ส่วนที่เหลือจะนำส่งเข้ากองทุนสวัสดิการกองทัพบก เพื่อนำมาจัดสวัสดิการให้แก่กำลังพลกองทัพบกและครอบครัว แบ่งเป็น 2 ลักษณะ ดังนี้
1. การจัดสวัสดิการในเชิงธุรกิจ กรณีปกติทั่วไป เช่น สถานีบริการน้ำมัน ร้านค้าตลาดนัด เป็นต้น ให้เรียกเก็บค่าเช่า ค่าธรรมเนียม ตามอัตราที่กำหนดตามระเบียบและคำสั่งที่ใช้บังคับ ณ เวลานั้น
2. การจัดสวัสดิการในเชิงธุรกิจ กรณีพิเศษ ได้แก่ สนามมวย สนามกอล์ฟ สนามม้า และสถานพักฟื้นพักผ่อนให้เรียกเก็บค่าเช่าค่าธรรมเนียมตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารบก ได้งดการแถลงข่าว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ได้ลงกำหนดการไว้ว่าจะแถลงข่าวด้วยตนเอง แต่มอบหมายให้ พลเอกธีรวัฒน์ บุณยะวัฒน์ เสนาธิการทหารบก เป็นผู้แถลงร่วมกับนายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง
โดยพลเอกธีรวัฒน์ กล่าวว่า การลงนามครั้งนี้ เพื่อให้กองทัพบกเกิดความถูกต้อง โปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ สำหรับสัดส่วนการแบ่งรายได้ เป็นไปตามกฎหมายของกรมธนารักษ์ แต่ละธุรกิจมีสัดส่วนไม่เท่ากัน และต้องประเมินตามมูลค่าที่ดินประกอบด้วย โดยจากการสำรวจเบื้องต้น มีพื้นที่ 1 ล้านไร่ ที่จะต้องเข้ารับการตรวจสอบจากกรมธนารักษ์ ในจำนวนนี้ มีประมาณ 7 แสนไร่ที่ถูกประชาชนบุกรุก การลงนามครั้งนี้ จึงครอบคลุมถึงการมอบอำนาจให้กรมธนารักษ์เข้าไปจัดสรรที่หลวง ด้วยการทำสัญญาเช่าระยะไม่เกิน 3 ปี
ทั้งนี้ สวัสดิการในเชิงธุรกิจของกองทัพบก เบื้องต้นที่จะดำเนินการมีธุรกิจ 40 กว่าแห่ง ส่วนจะเป็นธุรกิจเชิงพาณิชย์หรือไม่ ต้องตรวจสอบก่อนว่ามีประชาชนเข้าใช้บริการเกิน 50 เปอร์เซ็นต์หรือไม่ เพราะมีบางธุรกิจ เช่น ร้านสะดวกซื้อ 7-11 ถือว่า ไม่ใช่การจัดสวัสดิการในเชิงธุรกิจ แต่เป็นการใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุ ซี่งกองทัพไม่ได้ส่วนแบ่งรายได้ทางตรง แต่กำลังพลจะได้ประโยชน์จากส่วนลดราคาสินค้า 5 เปอร์เซ็นต์