10 เมษายน 2567 12.15 น. อาคารรัฐสภา นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์หลังรัฐบาลออกแถลงมติที่ประชุมใหญ่ คณะกรรมการดิจิตอลวอลเล็ตเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา โดยระบุว่า การแถลงครั้งนี้ไม่ได้มีอะไรที่น่าตื่นเต้น ตกใจ เพราะเป็นไปตามที่ตนคาดก่อนหน้านี้ ว่าจะมาจาก 3 แหล่ง คืองบปี 2568 ที่ชัดเจนแล้วว่ามีการขยายงบประมาณประจำปีโดยการกู้ขาดชดเชยขาดดุล จนเกือบชดเพดานหนี้ เพื่อรองรับนโยบายดังกล่าว
ต่อมาคือการใช้เงินกู้จาก ธกส. ตนมองว่ามีข้อกังวลที่เห็นคือ ธกส.เองก็มีนโยบายที่ต้องดำเนินการ อย่างการพักหนี้เกษตรกร หรือช่วยเหลือเกษตรกรไร่ละ 1,000 บาท ต้องมาจับตาดูว่าการบิดหลักการของการใช้เงิน ธกส. เมื่อนำมาใช้กับโครงการดิจิตอลแล้ว จะเหลือให้ดำเนินโครงการประจำมากน้อยเพียงใด / นอกจากนี้ยังตั้งข้อสังเกตถึงกฎหมาย ธกส. ที่มีขอบเขตเพื่อเกษตรกรเท่านั้น แต่ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ให้นำไปพัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกรโดยการแจกเงินดิจิตอลวอลเล็ต จึงเห็นว่าควรที่จะต้องส่งเรื่องให้กฤษฎีกาพิจารณาอีกครั้งหรือไม่
ส่วนสุดท้ายคือการใช้เงินจากงบประมาณปี 2567 จากการที่ปลัดกระทรวงการคลังกล่าวเพียงว่าต้องไปบริหารจัดการงบประมาณปีดังกล่าว แต่ตนเห็นว่าเงินได้ผ่านขั้นตอนนิติบัญญัติไปแล้ว หากจะแก้ไขก็มีข้อกำจัดอยู่มาก ขณะที่ตนก็พยายามดู จึงพบว่ามีทางออกหนึ่งคือการกู้ชดเชยขาดดุลเพิ่ม เพื่อนำเงินไปใช้ไปออกเป็นงบประมาณรายจ่ายกลางปี หรือที่เรียกว่างบประมาณกลางปี แต่หากจะกู้จนเต็มเพดาน 32% จะได้เงินมาเพียงแค่ประมาณ 1 แสนล้านบาท จึงอาจจะต้องใช้งบกลางมา และการตัดลดงบประมาณหน่วยงานต่างๆ มาร่วมด้วย โดยแหล่งที่มาทั้งหมดตนมองว่าเป็นการทำงานที่สะท้อนว่าไม่ได้เตรียมการอะไรล่วงหน้า และเห็นว่าจากที่ดูปฏิทินงบประมาณเจ้าหน้าที่สำนักงบฯ อาจจะไม่มีวันหยุดสงกรานต์เนื่องจากก่อนหน้านี้มีการแก้ไขงบประมาณร่างแรกในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา วานนี้ก็มีการขยายกรอบงบประมาณประจำปี จึงต้องแก้ไขปฏิทินงบประมาณ ส่งผลให้กระทบกับการทำงานเป็นระลอกต่อไป
นอกจากนี้ระบุว่าปัญหาที่เกิดขึ้นอีกคือ ระบบการใช้งานจากการแถลงที่รอบนี้จะใช้รูปแบบ Open Loop มีการทำแอพฯ ใหม่ ซึ่งการสร้างแอพใหม่ต้องใช้เวลา และการทดสอบก่อนการใช้งานจริง เพราะหากเกิดปัญหาก็จะส่งผลถึงความเชื่อมั่นในการใช้จ่าย รวมทั้งร้านค้าที่จะรับการซื้อ ขณะนี้ก็ยังไม่ชัดเจนว่าร้านค้าขนาดเล็กมีลักษณะอย่างไร อีกทั้งการถอนเงินกลับสำหรับร้านค้า จะถอนได้ต่อเมื่อมีการใช้จ่ายสองรอบขึ้นไป จึงอาจจะทำให้เกิดความยุ่งยาก และผิดวัตถุประสงค์โครงการหากร้านค้าขนาดเล็กเข้าร่วมได้น้อย
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า โครงการดังกล่าวจะมีส่วนเพิ่ม GDP ให้กับไทยหรือไม่ ระบุว่านี้เป็นเรื่องความรับผิดชอบของรัฐบาล เพราะช่วงที่ผ่านมา ได้ประเมินว่าจะโตเพียง 0.9-1 % ต่างจากรัฐบาลที่กล่าวว่าจะโตมากถึง 1.2-1.6% แต่สิ่งที่กังวลกว่าคือคำสัญญาที่รัฐบาลกล่าวว่า 4 ปี GDP จะโตมากถึง 5% แต่กลับกัน ปีที่ทุ่มงบเยอะที่สุดยังโตได้ 1.5% ส่วนปีที่ไม่เหลือเงินไปทำอย่างอื่นจะมีผลอะไรตามมา
นางสาวศิริกัญญาทิ้งท้ายว่า ผลที่ตามมาคือหนี้สาธารณะ เฉพาะปี 2568 พุ่งสูงไปถึง 67% ภาระดอกเบี้ยก็ขึ้นมาเป็น 11% ของรายได้ โดยที่ยังไม่รวมการกู้จาก ธกส. แม้ว่าจะไม่ใช้หนี้สาธารณะแต่อย่างไรก็ต้องหาเงินมาคือธนาคารเช่นเดิม และจะเป็นภาระในรัฐบาลชุดต่อไปที่ต้องมาบริหารงานช่วงที่หนี้จ่ออยู่คอหอย