ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดแพร่ ว่า ปฏิบัติการเดินคารวะแผ่นดินของพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ในวันนี้ (19 ม.ค.) จ.แพร่ เป็นจังหวัดที่ 58 นำ โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำผู้ก่อตั้งพรรค และ ในฐานะประธานคณะทำงาน เดินรณรงค์เชิญชวนประชาชนสมัครเป็นสมาชิกพรรค พร้อมด้วย นายประสาร มฤคพิทักษ์ นายสำราญ ยอดเพชร ผู้ร่วมก่อตั้งพรรค พร้อมด้วยนายประสงค์ ชุ่มเชื้อ อดีตสมาชิกสภาจังหวัดแพร่ ว่าที่ผู้สมัคร เขต 1 จ.แพร่ ร่วมเดินด้วย
วันนี้คณะของนายสุเทพ เริ่มด้วยการไปกราบสักการะหลวงพ่อเพชรวัดพระบาทมิ่งเมือง ต่อด้วยการเดินพบปะเชิญชวนประชาชน ที่ตลาดชมภูมิ่ง ตลาดวัดน้ำบ่อ อ.สูงเม่น ถนนเจริญเมือง จ.แพร่ มีประชาชนให้ความสนใจมาให้กำลังใจและมีทั้งเรียกร้องให้ช่วยเหลือแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เช่น เรื่องการค้าขาย ปัญหาราคาหมูแพงถึงกิโลกรัมละ 80 บาทจากเดิมที่เคยมีราคาเพียง 50 – 55 บาท
แม่ค้าบางรายบอก ใครก็ได้ แต่ขอให้ช่วยเหลือด้วย ของแพงมากและระหว่างที่เดินที่บริเวณถนนเจริญเมืองปรากฏว่าได้มีนายแพทย์ทศพร เสรีรักษ์ อดีต ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย (ปัจจุบันเป็นสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ) ได้เข้ามาทักทายจับมือและสวมกอด พร้อมบอกว่าคนละพรรคแต่ก็พวกเดียวกัน ด้านนายสุเทพบอกว่า คนละพรรคแต่เราก็รักกัน โดยนพ.ทศพร บอกด้วยว่า ผมมีอะไรจะมอบให้พี่ แต่ขอให้ผมเอาไปแสดงในงานก่อน แล้วจะส่งให้พี่นะครับ หลังจากทักทายกันแล้ว นายสุเทพและคณะได้เดินต่อ
นายสุเทพ ได้ให้สัมภาษณ์ ถึงเรื่องการชูใครเป็น นายกรัฐมนตรี ว่า พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) เราตะหนักดีว่า เราเป็นพรรคการเมืองใหม่ เราคงไม่ชนะเลือกตั้ง ได้คะแนนเป็นที่หนึ่ง เราไม่คาดหวังจินตนาการไปถึงขนาดนั้น เราได้ตกลงกันในพรรคแล้วว่าเราจะไม่เสนอรายชื่อ คนที่จะเป็นนายกฯของพรรค ตามที่กฎหมายกำหนดว่าแต่ละพรรคสามารถเสนอได้ 3 รายชื่อ เพื่อให้สะดวกกับการที่จะร่วมมือกับพรรคการเมืองอื่นๆ ในการจัดตั้งรัฐบาลเปิดกว้าง จะได้ไม่ต้องมีข้อผูกมัด ว่าส.ส.ของเราก็ต้องเลือกคนของเรา เราถือประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญว่า ทำอย่างไรจะให้การเลือกตั้งทั่วไปคราวนี้ ได้รัฐบาลที่ดี ที่จะมาดูแลบ้านเมือง ดูแลปัญหาบ้านเมือง ปัญหาประชาชน
"การที่เราจะสนับสนุนใครเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ต้องดูว่า 1.มีใครให้เลือกบ้างในขณะนั้น 2.ฟังประชาชนด้วย เพราะเราเป็นพรรคการเมืองของประชาชน ขณะนี้เราฟังเสียงประชาชน และ 3.คนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารัฐบาล ต้องรับข้อเสนอที่สำคัญจากเรา คือ1.เรื่องการมุ่งมั่นปฏิรูปประเทศ เปลี่ยนแปลงประเทศ ตามเจตนารมณ์ของมวลมหาประชาชน 2.การแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประชาชนให้เศรษฐกิจของชาวบ้านมีความเข้มแข็ง ตรงนี้เป็นเรื่องใหญ่"
ทั้งนี้ หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจที่ จ.แพร่ แล้ว นายสุเทพและคณะเดินทางไปยัง จ.น่าน ต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :