ไม่พบผลการค้นหา
“วิษณุ”สวนทาง “สาธิต” เผย ศบค.ไม่มีมติล็อกดาวน์ 5 จังหวัดภาคตะวันออก ยืนยันเป็นการเข้มมาตรการ เตรียมพิจารณาเคอร์ฟิวหากเกิดการแพร่ระบาดในระยะที่2 ชี้ เตรียมคืนอำนาจให้ผู้ว่าฯพิจารณามาตรการตามพื้นที่

วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กขอบคุณที่ประชุม ศบค. พิจารณาล็อกดาวน์ 5 จังหวัดพื้นที่ภาคตะวันออก งดเดินทางเข้าออก อนุญาตเฉพาะเหตุจำเป็น ว่า ล็อกดาวน์แปลว่าอะไร ไม่รู้ว่าเรียกว่าล็อกดาวน์หรือไม่ แต่ความหมาย คือ ได้มีมาตรการที่เข้มข้นสำหรับ 5 จังหวัดนี้ ซึ่งไม่ใช่การเข้มข้น 100% ไม่เหมือนกับช่วงต้นปีที่ผ่านมา มีเรื่องการกำหนดเวลา โดยจะแถลงรายละเอียดอีกครั้ง ต้องเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา

วิษณุ ยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีการประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่ใด ซึ่งนายกรัฐมนตรีใช้คำว่าระยะที่หนึ่ง แต่หากมีการแพร่ระบาดในระยะที่ 2 อาจจะต้องเพิ่มความเข้มข้นขึ้น โดยไม่ใช่การนับระยะ 14 วัน ส่วนระยะที่ 2 จะใช้คำว่าเคอร์ฟิวหรือไม่จะต้องประเมินตามสถานการณ์ แต่จะมีความเข้มข้นมากกว่าระยะที่ 1 ซึ่งการประเมินการแพร่ระบาดในระยะที่สองจะประเมินจากการแพร่ระบาดในแต่ละพื้นที่ มีจำนวนจังหวัดที่ถูกปรับเป็นพื้นที่ควบคุมหรือพื้นที่สีแดงมากขึ้น และใช้คำว่าทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หากเป็นการแพร่ระบาดในระยะ 14 วันหรือ 28 วันยังถือว่าคุมอยู่ 

ในช่วงท้ายนายวิษณุ ยังย้ำอีกว่าการพิจารณาในคณะรัฐมนตรีวันนี้ ไม่ใช่การพิจารณาล็อกดาวน์ แต่มีหลายมาตรการตามมาตรการที่ ศบค. เสนอ โดยอธิบายเพิ่มเติมว่า เมื่อครั้งโควิด-19 ระบาดรอบแรกมีการรวมอำนาจมาที่ ศบค. ตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ครั้งนี้เป็นการคืนอำนาจให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ โดยมีพระราชกำหนดฉุกเฉินคุ้มครองอีกชั้นหนึ่ง เพื่อไม่ให้เกิดการฟ้องร้องดำเนินคดีแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดในการออกมาตรการต่างๆ

กรณีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดออกคำสั่งอาจเกิดความไม่ชัดเจนกับประชาชน นายวิษณุ ยอมรับว่า เกิดความลักลั่นกันในพื้นที่ ซึ่งขณะนี้ขอให้เป็นลักษณะนี้ไปก่อนยอมรับว่าเมื่อวานที่ประชุมมีการหารือกันอาจจะเกิดความลักลั่นกันในแต่ละพื้นที่ เช่น พื้นที่นี้อนุญาตถึงเวลา 20.00 น. แต่อีกพื้นที่อนุญาต 22.00 น. แต่พื้นที่ในแต่ละจังหวัดมีความติดต่อกัน การเดินทางข้ามจังหวัดไปมา อาจเกิดความสับสนในคำสั่ง ซึ่งหากมีการแพร่ระบาดในระยะที่สองทุกอย่างจะต้องเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ และจะรวมอำนาจทั้งหมดสู่นายกรัฐมนตรีในฐานะ ผอ.ศบค.

ส่วนกรณีที่หากส่งผลกระทบกับภาคเอกชนรัฐจะมีการพิจารณาชดเชยเงินเยียวยาหรือไม่นั้น วิษณุ ระบุว่า ยังไม่มีการพูดถึงในส่วนนี้