ไม่พบผลการค้นหา
แอปเปิล ทุ่มเงิน 1 พันล้านดอลลาร์ฯ ราว 30,970 ล้านบาท เข้าซื้อธุรกิจชิปโมเด็มอินเทลเพื่อพัฒนาชิป 5G ในบริษัท ไม่พึ่งชิปผูกขาดจากควอลคอมม์ ทว่าผลการทดสอบก่อนหน้าพบว่าชิปโมเด็มของอินเทลรับสัญญาณอินเทอร์เน็ตได้ไม่ดีเท่าควอลคอมม์

วันที่ 25 กรกฎาคม แอปเปิลและอินเทลออกประกาศว่า แอปเปิลซื้อกิจการส่วนใหญ่ในส่วนของชิปโมเด็มสำหรับสมาร์ตโฟนของอินเทล โดยในข้อตกลงนี้ครอบคลุมทรัพย์สินทางปัญญา เครื่องจักร และอาคาร รวมถึงพนักงานอินเทลประมาณ 2,200 จะเข้าเป็นพนักงานของแอปเปิลด้วย และทำให้แอปเปิลมีสิทธิบัตรเทคโนโลยีไร้สาย 17,000 รายการ

การซื้อขายครั้งนี้มีมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 30,970 ล้านบาท) โดยคาดว่าการตกลงซื้อขายจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 4 ของปี 2019

ทั้งนี้ อินเทลยังคงมีกิจการโมเด็มสำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนตัว อุปกรณ์อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (internet of things device) ยานยนต์ และอุปกรณ์อื่นๆ ที่ไม่ใช่สมาร์ตโฟนอยู่ในมือ เพื่อมุ่งพัฒนาเทคโนโลยี 5G ในอุปกรณ์อื่นๆ

"ข้อตกลงนี้จะทำให้เรามุ่งพัฒนาเทคโนโลยีเครือข่าย 5G ได้ขณะที่ยังคงรักษาเทคโนโลยีโมเด็มและทรัพย์สินทางปัญญาที่สำคัญที่ทีมของเราสร้างขึ้นไว้ได้" บ็อบ สวอน ซีอีโอของอินเทลระบุในข้อตกลงกับแอปเปิล หลังประกาศถอนตัวจากธุรกิจชิปโมเด็มในเดือนเมษายนที่ผ่านมา

ดีลนี้จะทำให้แอปเปิลสามารถพัฒนาชิปโมเด็มของตัวเองได้ภายในบริษัทตัวเอง โดยไม่ต้องพึ่งชิปจากควลอคอมม์ซึ่งก่อนหน้านี้มีคดีความกันมาอย่างยาวนาน เช่นเดียวกับคู่แข่งรายใหญ่อย่างซัมซุงและหัวเว่ยซึ่งพัฒนาชิปโมเด็มได้ภายในองค์กรเองแล้ว

แอปเปิลมีแผนจะใช้ชิปโมเด็มของควอลคอมม์ สำหรับไอโฟนรุ่นปี 2020 ที่รองรับ 5G แต่ต้องการจะใช้ชิปโมเด็ม 5G ของตัวเองในไอโฟนบางส่วนภายในปี 2021


ชิปใหม่อาจรับสัญญาณเน็ตไม่ดีเท่าเดิม

เดิมทีแอปเปิลใช้ชิปของควอลคอมม์มาตั้งแต่ปี 2011 ใน ไอโฟน 4 ทว่าแอปเปิลกับควอลคอมม์นั้นมีปัญหาทางกฎหมายกันมาตั้งแต่ปี 2017 โดยแอปเปิลฟ้องควอลคอมม์ข้อหาผูกขาด โดยชี้ว่าคิดค่าการใช้สิทธิบัตรชิปสูงเกินเหตุ และเริ่มหันไปใช้ชิปของอินเทล ทางควอลคอมม์ได้ฟ้องละเมิดสิทธิบัตรกลับ ซึ่งควอลคอมม์ชนะคดีความในหลายประเทศพร้อมสั่งห้ามแอปเปิลจำหน่ายไอโฟนรุ่นที่ละเมิด

คดีความสิ้นสุดลงเมื่อเดือนเมษายนต่างถอนฟ้อง โดยแอปเปิลต้องจ่ายค่าปรับให้ควอลคอมม์โดยไม่เปิดเผยจำนวน และยอมรับการใช้ชิปควอลคอมม์ต่อไปอีก 6 ปี

ในปัจจุบันหลายๆ รุ่นนั้นใช้ชิปโมเด็มของควอลคอมม์และอินเทลควบคู่กันไป อย่างไอโฟน X มีโมเดล A1865 ซึ่งใช้ชิปโมเด็มของควอลคอมม์ และ A1901 ซึ่งใช้ชิปโมเด็มของอินเทล ต่างกันไปในแต่ละประเทศ (และมีโมเดล A1902 สำหรับจำหน่ายในญี่ปุ่นโดยเฉพาะ) โดยประเทศไทยจำหน่ายโมเดล A1901 ที่ใช้ชิปโมเด็มของอินเทล

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เว็บไซต์เซลลูลาร์อินไซต์สร่วมกับพีซีแม็กร่วมกันทดสอบชิปโมเด็มทั้งสองรุ่นที่ใช้ในไอโฟน X ได้ผลว่าไอโฟนที่ใช้ชิปโมเด็มของอินเทลนั้นรับสัญญาณได้ไม่ดีเท่ารุ่นที่ใช้ชิปของควอลคอมม์

จากการทดสอบทั้งสองรุ่นในจุดที่สัญญาณแรง -85dBm (เดซิเบลมิลลิวัตต์) ไปถึง -130 มิลลิวัตต์ บนแบนด์ 4 แอลทีอี (Band 4 LTE) 20MHz ซึ่งเป็นคลื่นที่ 4 ผู้ให้บริการเครือข่ายรายใหญ่ของสหรัฐฯ ใช้ ได้ผลว่าที่สัญญาณ -85dBm ชิปทั้งคู่ทำความเร็วที่ 195Mbps (เมกะบิตต่อวินาที) แต่เมื่อค่อยๆ ลดความแรงสัญญาณลง ความเร็วของชิปโมเด็มอินเทลตกลงมากกว่าชิปของควอลคอมม์ในเกือบทุกช่วงสัญญาณ

https://assets.pcmag.com/media/images/565103-iphone-x-speed-chart.jpg?thumb=y&width=980&height=472
  • ผลการทดสอบชิปโมเด็มของอินเทล (สีฟ้า) และควอลคอมม์ (สีส้ม) ในไอโฟน X / ภาพจาก PCMag

ในช่วงความแรงต่ำกว่า -120dBm นั้น ชิปโมเด็มของควอลคอมม์มีความเร็วสูงกว่าอินเทลเฉลี่ยแล้ว 67 เปอร์เซ็นต์ ทว่าช่วงความแรงที่รับสัญญาณไม่ได้นั้นไม่ต่างกันมาก โดยจุดที่อินเทอร์เน็ตดับไปของชิปอินเทลอยู่ที่ -129 dBm และของควอลคอมม์อยู่ที่ -130 dBm

ทั้งนี้ ช่วงสัญญาณ -85dBm ลงไปนั้นเป็นช่วงสัญญาณปานกลางถึงอ่อน ไม่มีผลการทดสอบว่าในช่วงสัญญาณแรงกว่านี้มีความแตกต่างกันหรือไม่

ในปี 2016 ทางเซลลูลาร์อินไซต์ส ก็ได้มีการทดสอบชิปโมเด็มของอินเทลและควอลคอมม์ในไอโฟน 7 และได้ผลลัพธ์เช่นเดียวกันว่าชิปโมเด็มของควอลคอมม์นั้นรับสัญญาณได้ดีกว่า

อย่างไรก็ตาม ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าชิปโมเด็มที่แอปเปิลพัฒนาเองจากเทคโนโลยีของอินเทลจะให้ผลลัพธ์แบบเดียวกันหรือไม่


ที่มา: Reuters / TechCrunch / Verge / PCMag / CullularInsights

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: