เวลา 15.20 น. วันที่ 1 มิ.ย. 2564 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย อภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565ในวาระที่หนึ่ง ว่า การจัดทำงบประมาณครั้งนี้ มีความผิดพลาดที่สำนักงบประมาณ เพราะไม่ว่าจะมีข้อเสนอใดๆ สำนักงบประมาณก็ไม่ตอบโจทย์ข้อเสนอเหล่านั้น ทั้งนี้ การจัดทำงบประมาณต้องอาศัย 4 เสาหลัก 1.การทำงบประมาณต้องตอบโจทย์ 2.มองถึงอนาคต 3.กระจายน้ำหนักหรือกระจายอำนาจ 4.ให้งบประมาณอย่างเพียงพอ ซึ่งการทำงบปี 2565 ไม่ตอบโจทย์เสาหลักเหล่านี้

สิริพงศ์ กล่าวว่า ส.ส.กว่า 80 เปอร์เซ็นต์ในสภาแห่งนี้ เห็นตรงกันว่า ต้องการเห็นความมั่นคงด้านสาธารณสุขมากกว่าด้านอื่นๆ แต่สำนักงบประมาณ ได้ตัดงบของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จัดสรรงบประมาณให้กระทรวงสาธารณสุข ไม่เพียงพอ ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการ มีการเลิกจ้างบุคลากรวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ในโครงการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา กิจกรรมครูคลังสมอง เกือบ 2,000 อัตรา นั่นหมายความว่าคนเกือบ 2,000 คน กำลังจะเป็นผู้ตกงาน 

“ส.ส.บางคนบอกว่าวันนี้เรากำลังพิจารณาเงินเดือนข้าราชการ แต่พบว่าแม้แต่เงินเดือนข้าราชการก็ยังไม่เพียงพอ เพราะข้าราชการกรมพลศึกษาแต่ละอำเภอ ก็ยังไม่ได้รับเงินเดือนเพียงพอ”

สิริพงศ์ กล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ทำรายได้อันดับ 1 ของประเทศ และได้รับการจัดสรรเงินน้อย 1 ใน 5 มาโดยตลอด โดยมาวันนี้สำนักงบฯ ยังลดงบประมาณของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ลงอีก 40% ทั้งที่ หลายประเทศกำลังเชิญชวนคนมาเที่ยว และประเทศไทยในปลายปีนี้ เมื่อมีการฉีดวัคซีนมากขึ้น ก็จะเข้าสู่ฤดูการท่องเที่ยว แต่ ททท.ไม่มีงบประมาณในการโปรโมท 

สำหรับการกระจายอำนาจ พบว่า งบจังหวัดและกลุ่มจังหวัดลดลง 25 เปอร์เซ็นต์ ส่วนงบท้องถิ่นแทนที่จะเพิ่มขึ้น กลับลดลงอีก 14 เปอร์เซ็นต์ วันนี้ท้องถิ่นมีความพร้อม เพราะการมีเงินสะสม และต้องการเอาเงินสะสมนั้นไปซื้อวัคซีนดูแลประชาชน แต่คนที่มีอำนาจสั่งห้ามกลับเป็น ศบค. จึงไม่เห็นว่ามีการกระจายอำนาจแต่อย่างใด 

“กระทรวงสาธารณสุข ทำโครงการเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาโรคโควิด-19 เสนอสำนักงบประมาณ 1.5 พันล้านบาท แต่ได้รับการจัดสรร 1 พันกว่าล้าน แล้วบอกว่า งบวัคซีนอย่าใช้งบประจำ ให้ใช้งบกลาง เงินกู้ คิดแบบหวังน้ำบ่อหน้า เขาบอกว่าความคุ้นเคยเป็นมิตรอย่างยิ่ง แต่ความเคยชินจะเป็นภัยอย่างใหญ่หลวง ฝากสำนักงบฯ ว่าอยากให้ความเคยชินของท่านเป็นภัยต่อบ้านเมืองเรา”

'ก้าวไกล' ชำแหละ งบฯ กองทัพจัดหาอาวุธ คืนเงิน 2.4หมื่นล้านบาทจัดสวัสดิการ

พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายโดยอเสนอให้ ลด ตัดและ เลื่อน งบประมาณของกระทรวงกลาโหม ในส่วนของกองทัพบก กองทัพอากาศ และกองทัพเรือ เพื่อจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ เพื่อนำงบประมาณส่วนดังกล่าวจัดสวัสดิการให้ประชาชน โดย ควรลดงบซื้ออาวุธ แบบปีเดียว เช่น ซื้อกระสุน ปืนกล เป็นต้น ทั้งนี้พบว่า กองทัพบก ซื้อเพิ่มขึ้น 9.2%, กองทัพเรือ ซื้อเพิ่ม 124%, กองทัพอากาศ ซื้อกว่า 2,000 ล้านบาท หากทำได้ จะมีงบเพื่อสวัสดิการประชาน 3,400 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังเห็นว่าควรตัดการซื้อยุทธภัณฑ์ข้ามปี ที่เสนอใหม่ในปี 2565 โดยพบว่ากองทัพเรือ และกองทัพบก ตั้งโครงการใหม่หน่วยงานละ 4 โครงการ หากตัดการตั้งโครงการใหม่ได้ จะได้งบเพิ่ม 1,800 ล้านบาท และตัดภาระได้กว่า 7,300 ล้านบาท และ ควรเลื่อนงบซื้ออาวุธ ที่เป็นโครงการผูกพันข้ามปี กว่า 70 โครงการ คิดเป็นวงเงินงบประมาณรวม 1.08 แสนล้านบาท เช่น เรือดำน้ำลำแรก จำนวน 2,000 ล้านบาท//เรือยกพลขึ้นบก 1,200 ล้านบาท //เครื่องบินวีไอพี ที่นั่งได้ 19 คน แต่ระบุว่าเพื่อขนย้ายกำลังพล จำนวน 675 ล้านบาท //เฮลิคอปเตอร์โจมตี จำนวน 1,690 ล้านบาท และยานเกราะสไตรเกอร์ จำนวน 60 คัน รวมเป็นงบประมาณ 2,600 ล้านบาท 

พิจารณ์ ยังอภิปรายด้วยว่า ควรเลื่อนการชำระค่ายุทโธปกรณ์ โดยปี 2565 พบค่าผ่อนยุทโธปกรณ์ ในปี 2565 รวมกว่า 2.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งตนมองว่ารัฐบาลควรเจรจากับผู้ค้าเพื่อเลื่อนงวดผ่อนของปีนี้เพื่อให้มีงบสวัสดิการเพื่อประชาชนเพิ่มขึ้น 2.4 หมื่นล้านบาท พร้อมระบุว่าตนรับไม่ได้กับโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำ ลำที่ 2 และ 3 ที่พบว่ามีการตั้งงบผูกพันในปีงบประมาณ 2565 ภายใต้แผนการพัฒนาขีดความสามารถของกองทัพเรือที่ผูกพันถึงปี 2569 ทั้งที่ผู้บัญชาการกองทัพเรือระบุว่ายังไม่ได้ลงนามสัญญาใดๆ ทั้งสิ้น 

ทั้งนี้หากจะจัดซื้อเรือดำน้ำ ลำที่2 และ 3 จริง ควรเจรจาเพื่อให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของประเทศ ให้เป็นไปตามนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมในประเทศ ทั้งนี้รัฐบาลไม่ได้ดำเนินการ เหมือนรีบเซ็นสัญญาเพราะกลัวไม่ได้เงินทอน 

พิจารณ์ยังเสนอให้ลดงบประมาณด้านแผนงานด้านบุคลากร ของกระทรวงกลาโหม เช่นเดียวกับ กองทัพอากาศ ที่มีงบบุคลากร เพียง 35% จะทำให้งบส่วนของบุคลากร ลดได้มากถึง 3หมื่นล้านบาทต่อปีงบประมาณ และมีเงินมากพอที่จัดซื้ออาวุธ หรือดำเนินการด้านต่างๆ ทั้งนี้ก่อนลดจำนวนบุคลากร ก่อนเกษียณอายุราชการ ต้องจัดงบเพื่อฝึกอาชีพก่อนเกษียณตามอายุราชการ 

ชวน ภท.โหวตคว่ำร่าง พ.ร.บ.งบฯ

ก่อนจบการอภิปราย พิจารณ์ กล่าวว่า “ในการอภิปรายงบฯ 65 พบว่า ส.ส.พรรคภูมิใจไทย เป็นห่วงที่งบกระทรวงสาธารณสุขถูกปรับลด แต่ไม่ใช่ว่าห่วงงบถูกปรับลด แล้วจะยกมือผ่าน หรือทำตัวเป็นเด็กดื้อ งอแง แต่พอได้รถไฟฟ้าเป็นของเล่น ยกมือผ่านให้ ซึ่งตนยืนยันว่าการการโหวตคว่ำ คือวิธีที่รวบรัดที่สุดเพื่อคืนงบประมาณให้กับกระทรวงสาธารณสุข เพราะจะกลับไปใช้งบฯ 64 ไปพลางก่อนโดยไม่ต้องหวังการปรับแก้ หรือรอ พ.ร.ก.กู้เงิน อีกทั้งเป็นวิธีโรแมนติกที่สุด ในการพาหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยคืนบ้านที่อบอุ่น และส่งพลเอกประยุทธ์ กลับบ้านเก่า”

ด้าน สนอง เทพอักษณรงค์ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ได้ลุกขึ้นประท้วงและขอให้ถอนคำพูดว่า พรรคภูมิใจไทยทำตัวเป็นเด็กงอแง พร้อมชี้แจงว่าส.ส.ทุกคนมีเอกสิทธิ์ และหน้าที่ปฏิบัติต้องปฏิบัติเพื่อรักษาผลประโยชน์ของบ้านเมือง จะตัดสินใจในทางที่ถูกต้องและดีที่สุด ไม่มีการชี้นำ โดย พิจารณ์ยอมถอนคำพูด

รมว.ยุติธรรมรับเตรียมฉีดวัคซีน 37 เรือนจำที่ไม่มีผู้ป่วยโควิด

เวลา 17.00 น. สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวอภิปรายชี้แจงว่า ตนเข้ามาทำงานยังกระทรวงยุติธรรม ได้ทำกองทุนเพื่อช่วยเหลือประชาชนทุกคน และได้ของบประมาณจาก นายกรัฐมนตรีมาสนับสนุน นอกจากนี้ ยังมี ส.ส.หลายท่านพูดถึงสถานการณ์เจ็บป่วยในเรือนจำ มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวนมาก ตนไม่ปฏิเสธ เราได้เร่งดำเนินการแล้ว และเมื่อเช้าตนประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ได้ตั้งคำถามกับตน ถึงความแออัดในเรือนจำ ซึ่งมาตรฐานสากลคือ 2.25 ตร.ม.ต่อคนนั้นถูกต้อง แต่เราทำได้ 1.2 ตร.ม.ทั้งๆที่จากเดิมไม่ถึง 1 ตร.ม.ด้วยซ้ำ

วันนี้แม้จะไม่แออัดเหมือนเดิม แต่เรายังไม่พอใจ ยังดำเนินการต่อ ตอนที่ตนเข้ามาเป็นรัฐบาลใหม่ๆ มีผู้ต้องขังมีประมาณ 390,00 คน นอนแออัดกันมาก จึงพยายามลดความแออัด จนปัจจุบันเหลือผู้ต้องขัง 310,000 คน ซึ่งเป็นการดำเนินการหลายๆอย่าง เช่น การสร้างเตียงนอนสองชั้น การพักโทษด้วยเหตุพิเศษสวมกำไลEM โดยปัจจุบันมีเรือนจำทั้งหมด 142 แห่ง รวมแล้วมีพื้นที่นอน 300,000 ตร.ม. หากเราจะทำให้ถึงมาตรฐานสากล 2.25 ตร.ม. ต้องสร้างเรือนจำอีก 100 แห่ง ใช้งบประมาณมหาศาลและเวลาก่อสร้างอีกนาน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ 

สมศักดิ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีการเตรียมการพิจารณาขอพระราชทานอภัยโทษกับผู้ต้องขังที่ป่วยติดเตียงหรือเป็นโรคเรื้องรังที่มีอยู่ 11,665 คน และยังมีร่างประมวลกฎหมายยาเสพติดที่กำลังรอการพิจารณาของรัฐสภา ซึ่งสาระสำคัญมีทั้งการปราบปรามยาเสพติด การยึดทรัพย์ และปรับอัตราโทษใหม่ ทำให้มีคนที่จะออกจากห้องขังประมาณ 30,000-40,000 คนโดยคำสั่งศาล ซึ่งหากได้พิจารณาจะลดความแออัดได้อีกและมาตรฐานระยะห่างภายในเรือนจำจะใกล้เคียงกับสากล ตนขอร้องให้สมาชิกทุกท่านช่วยพิจารณาผ่านร่างประมวลกฎหมายยาเสพติดด้วย อีกเรื่องหนึ่งสิ่งที่ สมคิดเสนอให้รีบฉีดวัคซีนผู้ต้องขังพื้นที่สีแดงโดยด่วนที่สุด ตรงกับความคิดเห็นของกระทรวงยุติธรรม และท่านนายกฯได้อนุมัติการดำเนินการแล้ว วันที่ 7 มิ.ย.จะคิกออฟในเรือนจำที่ไม่มีผู้ติดเชื้อ ตามพื้นที่สีแดง 37 เรือนจำเป็นเฟสแรก จากนั้นจะดำเนินการทั่วประเทศต่อไป

นายกฯ เดือดถูกถล่มแจงปัดรวบอำนาจ ศบค. ยันยอดติดโควิดใหม่ลดลง

เวลาประมาณ 17.40 น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ลุกชี้แจงว่า งบประมาณปี 2565 ได้ไตร่ตรองคัดกรองอย่างเข้มงวดแล้ว ซึ่งตนจะชี้แจงอีกครั้งหนึ่ง แต่วันนี้อยากจะเรียนตัวเลขสถานการณ์ทั่วโลกผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วโลก 5 แสนราย ถ้าเทียบกับสหรัฐฯ มีรายใหม่ 12,000 ราย 

สำหรับประเทศไทยยอดผู้ติดเชื้อก็ลดลง ผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ ก็เริ่มลดลงเหลือ 2,230 ราย

"ผมคำนวณในฐานะที่ผมเป็นทหาร ท่านพูดเสียงดัง ผมก็พยายามฟังอยู่"

ลั่นมีงบฯไม่จำกัดหาวัคซีน เลี่ยงตอบหนี้สาธารณะพุ่งเลือกโต้ใช้หนี้จำนำข้าว

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า สำหรับวัคซีน ถ้ามีเวลาจากนี้ 7 เดือนถ้าสามารถหาได้ 10 ล้านโดสจะคุ้มครองคนได้ 70 ล้านคน ถ้า 9 ล้านโดสก็คุ้มครอง 63 ล้านคน ตอนนี้ก็คาดว่าจะมีเพิ่มเติมจากยี่ห้ออื่นอีก โดยตอนนี้มี 2 ยี่ห้อ คือ ซิโนแวคและแอสตร้าเซนเนก้า ดังนั้น มิ.ย.เป็นต้นไป คิดว่าจะเป็นไปตามแผน และจะหาวัคซีนมาเพิ่มอีก ตอนนี้ก็มีชิโนฟาร์มมาเพิ่มอีก ในส่วนวัคซีนอื่นขึ้นทะเบียนกับเรานั้น เช่น ไฟเซอร์จะเข้ามาไตรมาส 3-4 ซึ่งอยู่ในแผน แต่ปัญหาตอนนี้วัคซีนทั่วประเทศในโลกก็แย่งชิงกันทั้งสิ้นมันจึงเป็นวัคซีนของรัฐ ที่รัฐจะนำส่งออกได้หรือไม่ เป็นเรื่องบริษัทจะต้องขออนุมัติรัฐบาลของเขา แต่โชคดีเราทำสัญญาไว้ก่อน

พล.อ.ประยุทธ์ ระบุุว่า มีงบพิเศษเพิ่มเติมขึ้นมาทั้ง พ.ร.ก.เงินกู้และงบกลาง ไม่มีปัญหาเงินงบประมาณการซื้อวัคซีน การนำเข้าก็ต้องผ่านมาตรฐาน อย. ใครจะนำเข้าก็ต้องเจรจากับบริษัทผู้แทนในประเทศ รัฐบาลให้ความสำคัญตรงนี้อย่างยิ่ง ส่วนเรื่องคุณภาพนั้น 3 สถาบันหมอและ ศบค. ไม่ใช่ตนใช้อำนาจคนเดียวก็ปรึกษาหารือกับรัฐมนตรี แพทย์ โดยตนตัดสินใจตรงนั้นไม่ใช่ไปสั่ง (ถอนหายใจ) เอาแต่ใจอย่างที่ท่านว่า

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ซิโนแวค แอสตร้าเซนเนก้า และชิโนฟาร์มมีคุณภาพใกล้เคียงกัน แต่ระยะเวลาการฉีดต่างกัน เพราะซิโนแวคใช้เวลาน้อยกว่าในการฉีดเข็มสอง ส่วนแอสตร้าเซนเนก้า ฉีดเข็มแรกได้ผลดีอยู่แล้ว

"ผมคิดว่าเราพยายามเต็มที่ในสถานการณ์ฉุกเฉินขณะนี้ งบฯวัคซีน ผมมีงบฯไม่จำกัด เมื่อท่านพูดมาอย่างนี้ใช้ไม่ถูกต้อง วันนี้ที่บอกว่าหนี้สาธารณะมันเพิ่มขึ้น ผมใช้หนี้จำนำข้าวเท่าไร ที่ยอดสูงผมใช้หนี้ไปแล้วกว่า 5 แสนล้านบาท ไม่อยากจะย้อนกลับ ใช้หนี้ไปแล้ว 7.05 แสนล้านบาท เหลือภาระหนี้ต้องใช้อีกอีก 2 แสนกว่าล้านบาท ต้องทยอยใช้อีก 12 ปีหมดภาระ" นายกรัฐมนตรีระบุ

อนุทิน แจง ต่างลูกพรรค ยืนยัน งบ สธ.เพียงพอ

เวลา 17.55 น. อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ชี้แจง ขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ถึงงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุขถูกปรับลดลง และอาจไม่เพียงพอ ว่า ยืนยันว่สเพียงพอ สำหรับปี 2564 ในส่วนของการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ได้มีการอนุมัติงบกลางทั้งสิ้นแล้ว 12,576 ล้านบาท โดยเป็นงบประมาณที่กระทรวงสาธารณสุข มีความมั่นใจว่าเพียงพอ ยืนยันความพร้อมในระบบสาธารณสุขของไทย และรัฐบาลนี้เท่านั้นที่กล้าให้คำยืนยันว่าพี่น้องประชาชนคนไทยหรือแม้กระทั่งคนต่างด้าวที่อาศัยอยู่ในประเทศนี้ หากติดโรคโควิด พวกเขาต้องถึงมือแพทย์ เข้าถึงยาทุกคน 

อนุทิน ยืนยันว่า จะไม่มีคนใดที่จะต้องถูกเลือกให้อยู่ หรือไม่ได้รับการรักษาเหมือนประเทศอื่น จะไม่มีผู้ป่วยคนใดถูกทอดทิ้งเข้าไม่ถึงการรักษา ผู้ป่วยทุกคนต้องได้เข้าโรงพยาบาลตามเกณฑ์ของการป่วยอย่างเหมาะสม

“งบประมาณทั้งหมดได้ผ่านการอนุมัติโดยเร็วจากนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี(ครม.) ต้องขออภัยที่จะต้องแก้ต่างในการอภิปรายของสมาชิกจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งผมคิดว่าท่านมีข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน ทั้งนี้ ก็เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่า รัฐบาลชุดนี้จะไม่ทอดทิ้งเขาจะให้การดูแลประชาชนทุกคนที่อยู่ในประเทศนี้อย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ส.ส.พรรคภูมิใจหลายคนก็ได้มีการอภิปรายว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้รับงบประมาณไม่เพียงพอ

'ประยุทธ์' แจงงบฯภาพรวมสาธารณสุขมากกว่า กลาโหม 9 หมื่นล้าน

ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงกลางสภา หลังสมาชิกโจมตีจัดสรรงบกระทรวงกลาโหม มากกว่ากระทรวงสาธารณสุข ว่า การตั้งงบประมาณ เป็นการปรับลดรายจ่ายประจำ ให้สอดคล้องกับวิถีปฏิบัติการณ์ใหม่ (New Normal) ภายใต้โควิด-19 ทั้งค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมสัมมนา ในการประชุม ค่าอาหารทำการนอกเวลา ค่าสาธารณูปโภค ลดค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติการนอกสถานที่ และการประชาสัมพันธ์ รวมถึงค่าเบี้ยเลี้ยงที่พัก และภาหนะ และหากหน่วยงานใดมีเงินนอกงบประมาณ เงินคงเหลือหรือเงินเก็บสะสมไว้มากก็จะถูกปรับลดงบประมาณ เพื่อให้หน่วยงานนำเงินเหล่านั้นมาใช้ก่อน 

พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า เรื่องการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ต่างคนต่างมีเหตุผล สำหรับตนไม่ต้องการให้มีการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง แต่สิ่งสำคัญทุกคนต้องประเมินว่า ภัยคุกคามวันนี้เกิดที่ไหนบ้าง รอบบ้านมีไหม ประเทศข้างเคียงมีไหม จะมีการสู้รบเกิดขึ้นหรือเปล่า จะมีกระสุนมาตกอีกหรือไม่ จะมีความจำเป็นสำหรับผู้ได้รับผลกระทบในการสู้รบภายในประเทศหรือไม่หรือไม่ นี่คือภาระของเรา เพราะฉะนั้นยานพาหนะทุกอย่างสามารถใช้ดูแลเรื่องเหล่านี้ได้ทั้งสิ้น ทั้ง เฮลิคอปเตอร์ รถยานเกาะ เตรียมไว้ ไม่ใช่แค่เฉพาะทหารอย่างเดียวเราต้องดูแลประชาชนให้ได้ด้วย เป็นเพียงการจัดซื้อจัดหา 1 ใน 3 ของความต้องการทั้งหมด การเจรจากับแต่ละประเทศก็แตกต่างกันว่าจะใช้วิธีการใด

ส่วนเรื่องเรือดำน้ำก็ได้เจรจากับจีน ขอเลื่อนออกไป 2 ปี หากมีลำเดียวและเกิดอะไรขึ้นมา ใครจะไปช่วยเขา เราต้องเตรียมความพร้อม มหาสมุทรอินเดีย ทะเลจีนใต้ จะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ การที่เรามี ไม่ใช่มีไว้รบ แต่มีไว้เพื่อไม่ต้องรบ ศักยภาพของเราเพราะจะมีผลด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง ตนไม่ได้หวังผลประโยชน์ส่วนตัว ในฐานะนายทหารเก่าไม่ใช่เลย" นายกฯ กล่าว 

ขณะที่กระทรวงสาธารณสุข นายกรัฐมนตรีขอให้ดูงบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านสาธารณสุขอื่นด้วยเช่นกองทุนหลักประกันสุขภาพ กองทุนการแพทย์ฉุกเฉิน กองทุนภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย รวมทั้งสิ้น 295,681 ล้านบาท ที่มากกว่า กระทรวงกลาโหม 92,399 ล้านบาท 

ซึ่งงบประมาณด้านสาธารณสุขค่าใช้จ่ายที่ถูกปรับรถไม่กระทบการให้บริการประชาชนเป็นการปรับลดค่าใช้จ่ายที่สามารถดำเนินการให้สอดคล้องตามวิถีปฏิบัติงานใหม่ (New Normal)

ทั้งนี้การให้ลำดับความสำคัญในการสนับสนุนงบประมาณในสถานการณ์ โควิด-19 รัฐบาลได้จัดสรรวงเงินจำนวนทั้งสิ้น 117,862 ล้านบาท ส่วนค่าใช้จ่ายวัคซีนเพื่อให้คนไทยเข้าถึง 21,134 ล้านบาท จากงบกลาง 11,346 ล้านบาท เงินกู้ 9,788 ล้านบาท 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• ผ่าเสียงสองขั้วโหวตงบฯปี65-งูเห่ายังว่อน-ฝ่ายค้านปลุกกระแสไล่ 'ประยุทธ์'
• ‘ชาดา’ ฉะเดือด! รัฐบาลหั่นงบ สธ. บอก ‘อนุทิน’ ถ้าเขาไม่รักก็กลับบ้านเราเถอะ