นายประโยชน์ เพ็ญสุต รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับผู้ผลิต และผู้นำเข้าหน้ากากอนามัยวันนี้ (29 ม.ค.2563) ว่า ขณะนี้มีผู้ลิตหน้ากากอนามัยในประเทศถึง 10 บริษัท มีกำลังการผลิตรวมกันมากกว่า 100 ล้านชิ้น แม้ความต้องการใช้จะเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 40-50 ล้านชิ้นต่อเดือน จากปกติ 30 ล้านชิ้นต่อเดือน เนื่องจากมีปัญหาโรคปอดอักเสบระบาดจากไวรัสโคโรนา และปัญหา PM 2.5 แต่ยืนยันว่า ยังเพียงพอต่อความต้องการ หรือสามารถใช้ต่อเนื่องได้นานถึง 4 เดือน ส่วนการนำเข้ามีบริษัทที่นำเข้าจากทั้งสิงคโปร์ และญี่ปุ่น ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าพึ่งแตกตื่น และกักตุนหน้ากากอนามัย
โดยกรณีที่พบว่าหน้ากากอนามัยขาดแคลนในหลายพื้นที่ รองธิบดีกรมการค้าภายใน ระบุว่า อาจจะเกิดจากสถานที่ดังกล่าวมีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก และมีการอาศัยของประชากรหนาแน่น ได้ขอให้ในผู้ค้าในแต่ละพื้นที่ที่พบปัญหาดังกล่าวให้แจ้งความต้องการมายังกรมการค้าภายในได้โดยตรง ซึ่งกรมฯ จะประสานบริษัทฯ เพื่อกระจายหน้ากากอนามัยให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้อย่างทั่วถึง
ส่วนกรณีที่พบการจำหน่ายหน้ากากอนามัยสูงกว่าราคาปกตินั้น รองอธิบดีกรมการค้าภายใน ระบุว่า จะมีการจัดเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบราคาจำหน่ายต่อไป ซึ่งในส่วนของหน้ากากอนามัย N95 ไม่ควรเกิน 100 บาท หรือบวกกำไรไม่เกิน 10 บาท โดยปกติราคาขายปลีกของ 3M อยู่ที่ประมาณ 27 – 70 กว่าบาท หากตรวจพบผู้ค้ามีการกักตุนและฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าจะดำเนินการตามกฎหมาย มีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ