ในระหว่างการแถลงข่าวที่กรุงโดฮา เมืองหลวงของกาตาร์ เมื่อช่วงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (7 ม.ค.) ร่วมกับ โมฮัมเหม็ด บิน อับดุลราห์มาน บิน จัสซิม อัล ทานี นายกรัฐมนตรีกาตาร์ บลิงเคนกล่าวว่าสหประชาชาติสามารถมีบทบาทสำคัญในการอนุญาตให้พลเรือนผู้พลัดถิ่นในฉนวนกาซากลับบ้านได้ ในขณะที่อิสราเอลเคลื่อนเข้าสู่ “ระยะความเข้มข้นต่ำลง” ในการรณรงค์ทางทหารที่ฉนวนกาซา
“พวกเขา (พลเรือนปาเลสไตน์) ไม่สามารถและจะต้องไม่ถูกกดดันให้ออกไปจากฉนวนกาซา” บลิงเคนกล่าว ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ประณามการสังหาร ฮัมซา ดาห์ดูห์ ผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าวอัลจาซีราว่าเป็น “โศกนาฏกรรมที่ไม่อาจจินตนาการได้” นอกจากนี้ ฮัมซายังถูกสังหารพร้อมกับ มุสตาฟา ทูรายา ผู้สื่อข่าว ในการโจมตีโดยอิสราเอลที่ฉนวนกาซาตอนใต้เมื่อวันอาทิตย์
“ผมไม่สามารถจินตนาการถึงความสยองขวัญที่เขาต้องเผชิญได้ ไม่ใช่ครั้งเดียว แต่ตอนนี้สองครั้งแล้ว” บลิงเคนกล่าว “นี่คือเหตุผลที่เรากดดันถึงความต้องการ ซึ่งเป็นความจำเป็น ที่ไม่เพียงแต่เพื่อทำให้แน่ใจว่าความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจะเข้าถึงผู้คนที่ต้องการได้เท่านั้น แต่ผู้คนได้รับการปกป้องจากอันตรายจากความขัดแย้งนี้ตั้งแต่แรก”
อย่างไรก็ดี กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ออกคำประกาศฉุกเฉินสองครั้งในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อส่งระเบิดไปยังอิสราเอล โดยไม่ผ่านการพิจารณาของรัฐสภาสหรัฐฯ
ในงานแถลงข่าว บลิงเคนกล่าวว่าการส่งมอบอาวุธของสหรัฐฯ ไปยังประเทศใดๆ รวมถึงอิสราเอล นั้นมีเงื่อนไขที่จะต้องเคารพกฎหมายมนุษยธรรม นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า แม้ว่าอิสราเอลมีสิทธิที่จะกำหนดเป้าหมายไปยังกลุ่มฮามาส และรับรองว่ากลุ่มฮามาสจะไม่สามารถโจมตีได้อีกต่อไป แต่ก็มีความ “จำเป็น” ที่อิสราเอลจะต้องปกป้องพลเรือนในฉนวนกาซา
“เมื่อปฏิบัติการยุติลง นั่นจะทำให้แน่ใจได้ง่ายขึ้นอย่างแน่นอนว่า พลเรือนจะไม่ได้รับอันตราย และยังรับประกันว่าจะสามารถให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือได้มากขึ้น” บลิงเคนกล่าว
ในการแถลงข่าวเดียวกัน นายกรัฐมนตรีกาตาร์กล่าวว่า โลกกำลังคุ้นเคยกับภาพความทุกข์ทรมานของพลเรือนในฉนวนกาซา “นี่เป็นการทดสอบครั้งใหญ่สำหรับมนุษยชาติของเรา” อัล ทานี กล่าว
ปัจจุบันนี้ ตามการระบุของเจ้าหน้าที่ปาเลสไตน์ มีผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซาอย่างน้อย 22,835 คน รวมถึงเด็ก 9,600 คน ในการโจมตีของอิสราเอลตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. ในขณะที่ตามการระบุของทางการอิสราเอล มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1,140 คนในการโจมตีอิสราเอลของกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ต.ค. และมีประชาชนอีกประมาณ 240 คนถูกจับเป็นตัวประกันโดยกลุ่มฮามาส
อัล ทานี กล่าวว่าการสังหาร ซาเลห์ อัล-อารูรี รองผู้นำทางการเมืองของกลุ่มฮามาสในกรุงเบรุต ส่งผลกระทบต่อความพยายามของกาตาร์ ในการเป็นตัวกลางในการเจรจาระหว่างกลุ่มฮามาสและอิสราเอล ในเรื่องการเจรจาการปล่อยตัวประกันที่เหลืออยู่
ก่อนหน้านี้ กาตาร์มีบทบาทสำคัญในการเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยข้อตกลงหยุดยิง 7 วันระหว่างอิสราเอลและฮามาส ซึ่งทำให้ตัวประกันมากกว่า 100 คนได้รับอิสรภาพจากการปล่อยตัวโดยกลุ่มฮามาส ในขณะที่นักโทษชาวปาเลสไตน์หลายร้อยคนได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำของอิสราเอลเป็นการแลกเปลี่ยน
อัล ทานี กล่าวอีกว่าการเจรจายังคงดำเนินต่อไป และเขากับบลิงเคนได้หารือกันถึงความพยายามที่จะบรรลุข้อตกลงหยุดยิง และรับประกันการปล่อยตัวนักโทษเพิ่มมากขึ้นระหว่างฮามาสกับอิสราเอล
ที่มา: