การเมือง
‘สุชัชวีร์’ ลั่นคิดถูกชิงผู้ว่าฯ เชื่อพลังเปลี่ยนกรุงเทพฯ ขอทำเป็นเมืองต้นแบบอาเซียน
วันที่ 4 พ.ค. 2565 ที่โรงเรียนวัดพระยาสุเรนทร์ เขตคลองสามวา สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่ากรุงเทพมหานคร (กทม.) พรรคประชาธิปัตย์ หมายเลข 4 ระบุก่อนขึ้นเวทีปราศรัยครั้งแรกในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ว่า การปราศรัยครั้งนี้ได้รวบรวมพลังทั้งหมดจากการลงพื้นที่ 50 เขต และยังได้รับกำลังใจจากประชาชนมากมาย วันนี้จึงตั้งใจจะพูดถึงเรื่องคน และเรื่องเมือง ทั้งนี้ กรุงเทพฯ ต้องการพลังในการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าเวทีไหน ผู้สมัครฯ แต่ละคนต่างพูดถึงปัญหาที่หนัก ระยะเวลาถึง 4 ปี ไม่ใช่เรื่องง่าย และมีผลต่อชีวิตของประชาชนอย่างยิ่ง
“วันนี้ผมจะมาบอกว่า ผมมาพร้อมกับคำตอบ และพลังที่จะเปลี่ยนกรุงเทพฯ ผมยิ่งเดิน ยิ่งมีความเชื่อมั่น ยิ่งมีความรักคนกรุงเทพฯ และคนไทย คนกรุงเทพฯ เป็นคนเสียสละที่อยากเห็นบ้านเมืองนี้ดี เหลืออย่างเดียว คือต้องการผู้ว่าฯ ที่มาพร้อมกับประสบการณ์ และที่สำคัญคือ ต้องได้โอกาส วันนี้ผมมาเพื่อจะขอโอกาสจริงๆ”
สำหรับเรื่องการเปิดตัวทีมงาน รองผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งอาจเป็นตัวดึงดูดคะแนนเสียงที่สำคัญนั้น สุชัชวีร์ กล่าวว่า อยู่ระหว่างการคิด และหารือ ขอให้รอติดตาม และยังไม่ยืนยันว่า มีชื่อของ อภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯ กทม. รวมอยู่ด้วยหรือไม่ ทั้งนี้ ผู้ว่าฯ จะต้องมี ส.ก. ทั้ง 50 เขต ไม่สามารถทำงานคนเดียวได้
“ผู้ว่าฯ ต้องมาพร้อมกับ 50 ส.ก. ไม่เช่นนั้น วิสัยทัศน์ และนโยบายที่พูดจะเลื่อนลอย ผู้ว่าฯ กทม. ต้องมาพร้อมกับทีม ส.ก. นโยบายถึงจะเป็นจริง” สุชัชวีร์ ยืนยัน
สุชัชวีร์ ยังทิ้งท้ายว่า งานผู้ว่าฯ กทม. ไม่ใช่งานที่ง่าย คนที่ขาดพลังไม่สามารถทำได้แน่นอน แต่วันนี้ตนมาพร้อมกับพลังที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลง และความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ในทุกๆ ด้าน จึงมาขอโอกาสในวันนี้
'6 ผู้สมัคร ส.ก. ปชป.' ปลุกขอเสียงให้ 'สุชัชวีร์'
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการปราศรัยใหญ่ครั้งแรกของ สุชัชวีร์ มี อภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯ กทม. 2 สมัย จากพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมปรากฏตัวด้วย โดยมีกำหนดการจะขึ้นเวทีปราศรัยช่วย สุชัชวีร์ นอกจากนี้ยังมีประชาชนผู้สนับสนุน สุชัชวีร์ จากหลากหลายเขต อาทิ หลักสี่ บึงกุ่ม ลาดกระบัง มาร่วมรับฟังการปราศรัยด้วย
ทั้งนี้ การปราศรัยเริ่มจากการเปิดตัวผู้สมัคร ส.ก. จากพรรคประชาธิปัตย์ทั้ง 6 เขต ประกอบด้วย นที เข็มศรีสุวรรณ ผู้สมัคร ส.ก. เขตคลองสามวา กล่าวว่า มีความตั้งใจเต็มร้อยที่จะมารับใช้พี่น้องประชาชน ผู้สมัคร ส.ก. ทั้ง 50 คน ล้วนเปี่ยมด้วยคุณภาพ และสามารถคว้าชัยได้อย่างแน่นอน อีกทั้ง ผู้ว่าฯ กทม. ต่อไป ต้องเป็น สุชัชวีร์ แน่นอน ตนมีความมั่นใจในฐานะนักการเมืองรุ่นใหม่ ที่จะพัฒนาพื้นที่ให้ดีกว่าเดิม
สุนันท์ มีนมณี ผู้สมัคร ส.ก.เขตคันนายาว กล่าวว่า มีโครงการอีกมากมายที่จะทำให้แก่ชุมชนเขตคันนายาวอีกเยอะ ถ้าหากเลือก สุชัชวีร์ เป็นผู้ว่าฯ กทม. การประสานงานเพื่อพัฒนากรุงเทพมหานครจะง่ายขึ้นแน่นอน
ณัฐิดา เตาเฟ็ส ผู้สมัคร ส.ก.เขตหนองจอก ระบุว่า ตนเป็นสายเลือดใหม่ที่ทำงานการเมืองครั้งแรก และที่สามารถมายืนตรงนี้ได้ ก็เพราะหัวหน้าทีมที่ดีอย่าง สุชัชวีร์ นโยบายไม่ได้สร้างภาพ ไม่สร้างทัศนคติในทางลบ ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ในฐานะคนรุ่นใหม่จะเป็นพลังสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้ชาวหนองจอก ที่ผ่านมาหนองจอกเป็นพื้นที่ชานเมืองที่ห่างไกลความเจริญ แต่อนาคตจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีแน่นอน
ศรินทิพย์ มีนมณี ผู้สมัคร ส.ก.เขตมีนบุรี กล่าวว่า ความในใจที่มาลงสมัครในพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเป็นพรรคที่เก่าแก่นักการเมืองทุกคนเป็นคนที่มีคุณภาพ ตนมีหลายสิ่งหลายอย่างที่อยากจะเข้าไปพัฒนา และทำให้ดีขึ้น อยากจะพัฒนาบ้านเกิดของตัวเอง ตอนนี้มีความพร้อมที่จะทำงานเพื่อรับใช้พี่น้องชาวมีนบุรีพร้อมกับพรรคประชาธิปัตย์ สำหรับ สุชัชวีร์ ตนมีความประทับใจ เพราะเป็นคนที่สร้างสรรค์ และมีความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง ตนมีความเชื่อมั่นในการเสนอนโยบายต่างๆ ของสุชัชวีร์ ว่าทำได้อย่างแน่นอน
ณรงค์ศักดิ์ ฤทธิวรผล ผู้สมัคร ส.ก.เขตสายไหม ตัวแทนไม่ได้เป็นนักการเมืองมาก่อน ็มีหัวใจอยากทำงานเพื่อประชาชน ยืนยันว่า สุชัชวีร์ จะเป็นบุคคลที่มีคุณภาพคับแก้ว พูดและทำได้จริง ตนได้สำรวจในพื้นที่มาเป็นเวลาแรมปี ปัญหาทุกอย่างจะถูกบรรจุอยู่ในนโยบายแน่นอน และขอเสนอให้มีศูนย์แจ้งเตือนภัย เพิ่มเติมสัญญาณเตือนและกล้อง CCTV
สุชาดา เวสารัชตระกูล ผู้สมัครส.ก.เขตบางเขน กล่าวว่า ขอขอบคุณพรรคประชาธิปัตย์ที่ให้โอกาส ตนเชื่อว่าโอกาสมีให้สำหรับทุกคน ตนจึงตั้งใจมาลงสมัคร ส.ก. เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ตนเองมีความพร้อมอย่างเต็มเปี่ยม ที่จะทำให้ เขตบางเขน และกรุงเทพฯ ดีกว่าเดิม
'อภิรักษ์' ยัน 'สุชัชวีร์' คุณสมบัติครบ เหมาะ ผู้ว่าฯ กทม. ทำชีวิตคนกรุงเทพฯ ให้ดีได้
ขณะที่ อภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร 2 สมัย จากพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้แก่คนกรุงเทพฯ และคนต่างจังหวัดที่เดินทางเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ เพราะกรุงเทพฯ ถือว่าเป็นของศูนย์รวมของโอกาสทั้งในเรื่องการศึกษา เชื่อว่าเรื่องการศึกษาจะเป็นจุดเปลี่ยนทำให้คนไทยประสบความสำเร็จในชีวิต
อภิรักษ์ มั่นใจว่าประสบการณ์ความรู้ ความสามารถ วิสัยทัศน์ของสุชัชวีร์จะสามารถมาพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของคนในกรุงเทพฯ และคนต่างจังหวัดที่เข้ามาใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ ให้ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน ลูกหลานในกรุงเทพมหานครจะได้รับประโยชน์จากนโยบายอย่างเต็มที่ รวมไปถึงสถานการณ์โควิด-19 ผู้สูงอายุต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด และได้รับการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพ
“ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปีที่พี่น้องประชาชนจะได้มีโอกาสในการกำหนดชะตาชีวิตของตัวเอง” อภิรักษ์ ระบุ พร้อมย้ำว่า การบริหารบ้านเมืองที่มีความซับซ้อน เพราะฉะนั้น ผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร ที่จะเข้ามาบริหาร ต้องมีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ และมีความรู้เรื่องเทคโนโลยีสมัยใหม่
'สุชัชวีร์' ปราศรัยใหญ่ ยิ่งเดิน-ยิ่งรักคนกรุงเทพฯ เห็นปัญหาแล้ว
จากน้ัน สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่ากรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ หมายเลข 4 ปราศรัยว่า ตนตัดสินใจลงแข่งขันครั้งนี้ด้วยความตั้งใจ มายืนอยู่ตรงนี้เพราะโอกาสที่คนไทยทุกคนมอบให้ หากตนสามารถจะช่วยเหลือคนกรุงเทพฯ ที่เป็นเหมือนครอบครัวของตนได้ ตนพร้อมจะทำโดยไม่มีท้อถอย ทุกก้าวที่ตนเดินสำรวจทั้ง 5 เขต แม้ปัญหาที่พบจะหนักกว่าที่เห็น แต่ตนยิ่งรู้สึกรักคนกรุงเทพฯ มากขึ้น และรู้สึกว่าคิดถูกที่เลือกลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.
สุชัชวีร์ ตั้งคำถามว่า เพราะเหตุใดชาวกรุงเทพฯ จึงต้องหวังให้ลูกหลานมีชีวิตที่ดีกว่าเราในอนาคต เหตุใดผู้สูงอายุต้องเดินทางไกลบ้านมารักษาตัวในโรงพยาบาลรัฐ ทั้งที่มีศูนย์สาธารณสุขอยู่หลายแห่ง มองว่าไม่เป็นธรรม ทำไมชาวกรุงเทพฯ ถึงมีคุณภาพชีวิตที่ดีทั้งครอบครัวเหมือนประเทศอื่นๆ ไม่ได้
สุชัชวีร์ เผยว่า เหตุที่ต้องพัฒนากรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองสวัสดิการ ไม่ได้แปลว่าถูกหรือฟรี แต่คือทุกคนต้องเข้าถึงสวัสดิการทุกอย่างได้ทั่วถึง และเท่าเทียมกัน เนื่องจากที่ตนลงพื้นที่สำรวจมาทั้ง 50 เขต คุณภาพชีวิตของแต่ละเขตไม่เท่าเทียมกันเลย รวมทั้งยกตัวอย่างประเทศจีน ที่ใช้เทคโนโลยีทันสมัยมาพัฒนาคุณภาพชีวิต
"น่าเสียดายที่ศักยภาพของกรุงเทพฯ ทั้งคนใจดี ศิลปวัฒนธรรม และธรรมชาติ ไม่ถูกส่งเสริม จึงเดินมาถึงจุดนี้ อยู่ที่ผู้นำที่มีความพร้อม มีความสามารถ วิสัยทัศน์ชัดเจน จะพาให้กรุงเทพฯ ที่มีความพร้อมอยู่แล้ว จะก้าวขึ้นมาเป็นเมืองต้นแบบอาเซียนได้อย่างแน่นอน"
สุชัชวีร์ ยังย้ำถึงนโยบายส่งเสริมการศึกษาและค่าอาหารกลางวันเด็ก โดยมองว่าซอฟต์แวร์คือการศึกษาที่ดี แต่ถ้าฮาร์ดแวร์คือร่างกายที่อ่อนแอก็ใช้การไม่ได้ ยืนยันว่าหากตนได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ค่าอาหารกลางวันเด็กจะต้องเพิ่มเป็น 40 บาทแน่นอน ความสูงเฉลี่ยของเด็กไทยจะต้องเพิ่มขึ้น ให้เทียบเท่าเด็กเกาหลีใต้ พร้อมพัฒนาการศึกษาให้เข้าถึงทุกครัวเรือน โดยจุดเริ่มต้องเริ่มที่เข้าคูหา กาเบอร์ 4 วันที่ 22 พ.ค. นี้
นอกจากนี้ สุชัชวีร์ ยังนำเสนอนโยบายในหลายมิติ ทั้งเรื่องสาธารณสุข จุดกระจายสัญญาณไวไฟฟรีทั่วกรุงเทพฯ และกล้องวงจรปิดแบบเชื่อมต่อกันถึง สามารถดึงข้อมูลมาตรวจสอบได้ทันที
"ช่วงเวลา 4 ปี เป็นเวลาสำคัญของชีวิต ถ้าผมได้โอกาสจากท่านเป็นผู้ว่าฯ กทม. ท่านจะได้ผู้ว่าฯ ที่มุ่งมั่นที่สุด และเดินอยู่ทุกที่ ไม่เพียงนั่งอยู่ที่ศาลาว่าการดินแดง แต่จะลงมาช่วยดูแลพี่น้องประชาชนด้วยตนเอง และจะทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
