วันที่ 9 มี.ค. 2566 เวลา 10.10 น. พรรคเพื่อไทยจัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 ณ สำนักงานใหญ่พรรคเพื่อไทย ถนนเพชรบุรี กรุงเทพมหานคร โดยก่อนเริ่มการประชุม นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ปาฐกถาประกาศชูธงปักชัยแลนด์สไลด์ สู่เพื่อไทย ทั้งแผ่นดิน โดยกล่าวว่า ประเทศไทย ณ วันนี้ถือเป็นจุดต่ำสุด อยู่ในภาวะวิกฤต ไร้ทิศทาง ประชาชนไร้อนาคต มืดมน หมดหวัง มีแต่ความทุกข์ยาก ความยากจน เป็นหนี้ ทุกข์ เศร้า ทั้งหมดคือภาพสะท้อนของประเทศไทย ดังนั้น ต้องมีจุดเปลี่ยนจากวิกฤติเหล่านี้ ซึ่งตนมีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าพรรคเพื่อไทยเท่านั้น ที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ พร้อมประกาศ 2 หมุดหมายสำคัญของพรรคเพื่อไทย ได้แก่
หมุดหมายแรก จากที่เคยประกาศยุทธศาสตร์และเป้าหมายชนะเลือกตั้งถล่มทลายแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน พรรคเพื่อไทยต้องได้ ส.ส. มากกว่า 250 ที่นั่งขึ้นไป เพื่อวางแนวทางชนะ ส.ว. 250 คน แต่ถึงเวลานี้ เราไม่กังวลกับหน้าที่และอำนาจของ ส.ว.อีกต่อไป เพราะเรามั่นใจว่าผ่านจุด 250 เสียงขึ้นมาแล้ว
หมุดหมายที่สอง พรรคเพื่อไทยต้องได้อำนาจจากพี่น้องประชาชน ได้ ส.ส.310 ที่นั่งขึ้นไป เพื่อกำจัดระบอบประยุทธ์ให้สิ้นซาก จัดตั้งรัฐบาลเพื่อไทย วันนี้จึงไม่มีคำว่ารักพี่เสียดายน้อง ไม่มีแบ่งคะแนน มีแต่คำว่าต้องกาเพื่อไทยสองใบ เพื่อแลนด์สไลด์เท่านั้น ต้องเลือกเพื่อไทยทั้งคนทั้งพรรค
นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า ผลสำรวจของคะแนนความนิยมของพรรคเพื่อไทยในภาคเหนือ อีสาน กลาง กทม. สีแดงเต็มพื้นที่ และมั่นใจว่าจะมีสีแดงในเพื่อไทยใต้แน่นอน
ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยพร้อมกู้วิกฤตให้ประเทศ ฟื้นคืนประเทศจากซากปรักหักพังด้วยนโยบายที่คิดใหญ่ ด้วยบุคลากรที่ทำเป็น เพื่อคนไทยทุกคน
สำหรับนโยบายของพรรคเพื่อไทย เป็นที่ยอมรับกันว่าพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองที่มีจุดแข็งที่สุดในการดำเนินการตามนโยบาย จนพี่น้องประชาชนทั่วประเทศบอกว่าเป็นประชาธิปไตยที่กินได้ และในการเลือกตั้งครั้งนี้ นโยบายจะเป็นเรื่องสำคัญ นโยบายที่สำเร็จในอดีต จะถูกนำมาต่อยอดด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลนีเพื่อประชาชนและประเทศชาติ ด้วยการลดรายจ่าย สร้างรายได้ และคนไทยต้องได้รับโอกาส เราจะขยายโอกาสให้กับพี่น้องประชาชนให้ได้รับสิทธิดูแลอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง
พรรคเพื่อไทย เป็นพรรคเดียวที่เน้นนโยบายเป็นแกนกลาง โดยนโยบายที่ประกาศไปแล้ว เช่น การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาทต่อเดือน ภายใน4ปี ซึ่งจะทำให้เกิดการขยับฐานเงินเดือนขึ้น นโยบาย 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์ สร้างรายได้ 200,000 บาทต่อครอบครัวต่อปี สร้างแรงงานทักษะสูง 20 ล้านตำแหน่ง มีรายได้จากการท่องเที่ยว 3 ล้านล้านบาท พี่น้องเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 3 เท่าภายใน4 ปี การเรียนรู้แบบ Life long learning เรียนรู้เพื่อมีรายได้ตลอดชีวิต การเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างน้อยร้อยละ 5 ต่อปี ทั้งหมดคือแนวคิดของพรรคเพื่อไทยที่คำนึงถึงการสร้างงาน สร้างรายได้ ให้พี่น้องประชาชนยืนได้ด้วยขาของตัวเอง
ในส่วนของบุคลากรพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคที่มีองค์ประกอบอย่างกลมกล่อม ทั้งบุคลากรที่มีประสบการณ์ คนรุ่นใหม่ที่มีพลัง มีศักยภาพเต็มเปี่ยม เราทำงานจับมือกัน พร้อมเข้าหาประชาชน นำนโยบายเข้าสู่ประชาชน
“ขอขอบคุณกำลังใจจากทุกภาคส่วน มาร่วมต่อสู้สู่เส้นชัยของพี่น้องประชาชน อีก 2 เดือนเท่านั้น เราจะเดินเข้าสู่ทำเนียบในนามรัฐบาลเพื่อไทย ถึงเวลาแล้วที่เราจะขอโอกาสจากพี่น้องประชาชน ร่วมทำงานกับพรรคเพื่อไทย ผนึกกำลังกันเปลี่ยนแปลงประเทศ ยุทธศาสตร์แลนด์สไลด์ ต้องเพื่อไทยเท่านั้น ต้องชนะขาด ไม่มีคะแนนทิ้งน้ำ ไม่มีแบ่งใจ ต้องเลือกเพื่อไทยทั้งสองใบ” นายแพทย์ชลน่าน กล่าว
ทั้งนี้ในช่วงท้ายของการปาฐกถา นพ.ชลน่าน ได้เชิญชวนกรรมการบริหารพรรคและสมาชิกยืนขึ้น พร้อมส่งเสียง “ชูธง ปักชัย แลนด์สไลด์ เพื่อไทยทุกคน”
นพ.ชลน่าน กล่าวย้ำถึงการประกาศเป้าหมายที่นั่ง ส.ส. 310 เสียง ว่าไม่ได้เกินเป้าหมายแลนด์สไลด์ เป็นการตั้งเป้าเชิงยุทธศาสตร์ที่พรรคเพื่อไทยจะต้องไปถึงให้ได้ เพราะจะเป็นรัฐบาลที่เข้มแข็ง เพื่อกำจัดระบอบประยุทธ์ออกจากสภาฯ ให้ได้
ส่วนจะเป็นรัฐบาลพรรคเดียวหรือไม่นั้น แพทองธาร ชินวัตร ประธานด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยอยากเป็นรัฐบาลที่เข้มแข็ง และเป็นรัฐบาลที่ไม่ถูกล้มด้วย ส.ว.หรือแต่งตั้งด้วย ส.ว. ต้องการเป็นรัฐบาลที่แต่งตั้งมาโดยเสียงของประชาชน เหมือนที่เคยย้ำกับประชาชนในการปราศรัยทุกเวที
สำหรับจดหมายเปิดใจของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ชวนให้ทุกฝ่ายมาปรองดองกัน มองข้ามความขัดแย้ง แพทองธาร ระบุว่า พรรคเพื่อไทยไม่เคยมองหาความขัดแย้ง จะจับมือกับใครตั้งรัฐบาล ยังย้ำเช่นเดิมว่ายังเร็วไปที่จะพูดเรื่องนี้ แต่พรรคเพื่อไทยมองหาคนที่มีอุดมการณ์เดียวกันเรื่องประชาธิปไตย อุดมการณ์เรื่องปากท้อง และเอาประชาชนมาเป็นที่ตั้ง
ขณะที่ เศรษฐา ทวีสิน ในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ระบุว่า วันนี้ตนได้ทำหนังสือขอลางานชั่วคราว เพื่อใช้เวลามาทำงานการเมือง โดยเฉพาะการลงพื้นที่พบประชาชนในช่วงเลือกตั้ง ทั้งนี้ เพื่อความเป็นธรรมกับผู้ถือหุ้นของบริษัทด้วย จึงลางานโดยไม่ขอรับค่าตอบแทน เพราะการก้าวเข้ามาทำงานการเมือง อยากจะใช้เวลาทุ่มเทให้เต็มที่ ก่อนจะย้ำว่า ตนพร้อมลุยเต็มที่
อย่างไรก็ตาม เศรษฐา ยังเน้นย้ำว่า เมื่อหมดช่วงเลือกตั้ง และไม่มีตำแหน่งทางการเมือง ก็จะกลับไปทำงานตามเดิม พร้อมเผยว่า หลังจากนี้ จะได้เห็นตนขึ้นเวทีปราศรัยร่วมกับ แพทองธาร เพื่อเสนอนโยบาย โดยจะประเดิมเวทีแรกที่ จ.พิษณุโลก และ จ.พิจิตร ในสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้คุณอิ๊งค์ (แพทองธาร) หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค ก็ได้ทำหน้าที่อย่างดี เพียงแต่ตนจะไปเสริมในเรื่องนโยบายเท่านั้น
ส่วนการลงพื้นที่ครั้งแรกที่คลองเตยเมื่อวาน (8 มี.ค.) มีภาพ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย เดินประกบเพื่อเป็นติวเตอร์หรือไม่ นายเศรษฐา ระบุว่า ทุกคนในพรรคเป็นติวเตอร์ให้ตนหมด โดยเฉพาะวันนี้ได้ฟังหัวหน้าพรรคปาฐกถาบนเวที ก็เกิดรู้สึกฮึกเหิม จึงหวังว่าจะพูดได้ดีสักครึ่งของท่านก็ดีใจมากแล้ว
แพทองธาร ยังกล่าวว่า ทุกคนต้องช่วยกัน เพื่อเป้าหมายแลนสไลด์ เป็นเรื่องใหญ่ จำเป็นต้องมีทั้ง เศรษฐา หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และคณะทำงานของเพื่อไทยที่เข้มแข็ง เพื่อช่วยกันทุกจุด เพราะเราไม่สามารถทำได้แค่คนเดียว การเลือกตั้งครั้งนี้คืองานใหญ่ ต้องทำให้เต็มที่
เมื่อถามถึงความชัดเจนในการเสนอรายชื่อ 3 แคนดิเดตนายกฯ ของพรรค นพ.ชลน่าน เผยว่า ในการประชุมใหญ่วันนี้ จะยังไม่วาระพิจารณาเรื่องดังกล่าว เพราะมีข้อจำกัดด้านกฎหมาย ขอให้อดใจรอ ประชาชนสามารถเสนอชื่อแคนดิเดตอย่างไม่เป็นทางการในใจไปก่อน เมื่อเข้าสู่ช่วงการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยจะประกาศให้ทราบอีกครั้ง