วันที่ 7 ต.ค. 2564 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ระบุว่า กรณี สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน กล่าวว่าที่เศรษฐกิจไม่ดีและไม่เติบโต เพราะรัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหาหนี้สินที่รัฐบาลก่อนหน้านี้ทำเอาไว้ การพูดเช่นนี้ของ สุพัฒนพงษ์ เป็นการปัดความรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ แต่ทำไม่ได้ เลยโยนผิดให้รัฐบาลอื่น หากบอกว่ารัฐบาลที่แล้วก็น่าจะหมายถึงหนี้สินที่รัฐบาล คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สร้างไว้มากกว่า เพราะสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บริหารประเทศ 2 ปี 10 เดือน ตั้งแต่ปี 2554 ถึงปี 2557 หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นเพียง 1.252 ล้านล้านบาท แต่ พล.อ.ประยุทธ์ สร้างหนี้สินสาธารณะสูงให้ประเทศขึ้นถึง 9 ล้านล้าน มากกว่าทุกรัฐบาลรวมกัน 

นพ.ชลน่าน กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่ วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี บอกว่าไม่เคยพูดเรื่องนายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่ง 8 ปี ต่อกันไม่ได้ เป็นการโกหกต่อประชาชนทั้งประเทศ ทั้งๆที่นายวิษณุพูดผ่านสื่อมวลชน ถึงวาระการดำรงค์ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดระยะเวลาสูงสุดในการดำรงตำแหน่งนายกฯ 8 ปี แต่พอถูกจับผิดได้ก็แกล้งลืม เพราะมัวแต่หาทางออกให้ พล.อ.ประยุทธ์จะอยู่ในตำแหน่งต่ออย่างไร จึงทิ้งหลักการของกฎหมายไปหมด

“ส่วนการที่พรรคพลังประชารัฐจะเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพื่อสืบทอดอำนาจระยะยาว และยึดติดอำนาจคุมประเทศ ปูทางนายทหารรุ่นต่อไปขึ้นคุมแทนโดยไม่สนใจว่าประชาชนจะรู้สึกอย่างไร 7 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์สร้างหายนะให้กับประเทศมากแค่ไหน ประชาชนเดือดร้อนทั้งประเทศเศรษฐกิจพัง ค้าขายฝืด พล.อ.ประยุทธ์ไม่รู้สึกละอายตัวเองหรือ ที่บ้าอำนาจ ควรที่จะละอายต่อบาปบ้าง ทั้งๆที่ทำร้ายประชาชนทำลายประเทศขนาดนี้ ต้องพิจารณาแล้วว่าตัวเองจะหลงอำนาจไปอีกทำไม” นพ.ชลน่าน ระบุ