กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ออกหมายยึดเรือ “เกรซ 1” ของอิหร่านที่บรรทุกน้ำมันอยู่ประมาณ 2.1 ล้านบาร์เรลโดยสหรัฐฯ อ้างว่า สหรัฐฯ สามารถยึดเรือเกรซ 1 และน้ำมันทั้งหมดบนเรือลำดังกล่าว โดยกล่าวหาว่า เรือเกรซ 1 ละเมิดรัฐบัญญัติว่าด้วยอำนาจทางเศรษฐกิจฉุกเฉินระหว่างประเทศ ฉ้อโกงธนาคาร ฟอกเงิน และก่อการร้าย
นอกจากนี้ ทางการสหรัฐฯ ยังสั่งยึดเงิน 995,000 ดอลลาร์จากบัญชีธนาคารอเมริกันที่เกี่ยวข้องกับบริษัทพาราไดซ์ เทรดดิง แอลแอลซี โดยสหรัฐฯ อ้างว่ามีเกี่ยวข้องกับธุรกิจของเหล่าทัพผู้พิทักษ์การปฏิวัติของอิหร่าน ซึ่งสหรัฐฯ จัดให้อยู่ในบัญชีองค์กรก่อการร้ายต่างชาติ
ท่าทีดังกล่าวของสหรัฐฯ มีขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากที่ศาลยิบรอลตาตัดสินให้ปล่อยเรือลำดังกล่าวไป โดยรัฐบาลยิบรอลตาระบุว่า ได้รับการยืนยันจากอิหร่านแล้วว่าเกรซ 1 จะไม่เดินทางไปยังซีเรีย ซึ่งอยู่ในกลุ่มประเทศที่ถูกสหภาพยุโรปคว่ำบาตร ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ศาลยิบรอลตาระบุว่า พวกเขายังไม่ได้รับแจ้งหมายยึดเรือเกรซ 1 จากสหรัฐฯ แต่อย่างใด
ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่านเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปีก่อนที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถอนสหรัฐฯ ออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านปี 2015 และกลับมาคว่ำบาตรอิหร่านอีกครั้ง ยระงับข้อตกลงทางธุรกิจมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ส่วนใหญ่เป็นการยุติการขายน้ำมันดิบของอิหร่าน ส่งผลกระทบกับค่าเงินอิหร่านอย่างหนัก
เมื่อวันที่ 4 ก.ค. เรือเกรซ 1 ถูกกัก เนื่องจากต้องสงสัยว่าขนส่งน้ำมันอย่างผิดหมายไปให้ซีเรีย ซึ่งอิหร่านกล่าวว่า การกักเรือเกรซ 1 ถือเป็น “การสกัดกั้นที่ผิดกฎหมาย” ต่อมาในวันที่ 19 ก.ค. อิหร่านยึดเรือสเตนา อิมเพโร เรือบรรทุกน้ำมันสัญชาติอังกฤษบริเวณช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งแม้อิหร่านจะอ้างว่าเรืออังกฤษละเมิดกฎทางทะเลระหว่างประเทศ แต่หลายฝ่ายก็เชื่อว่าเป็นการตอบโต้ของอิหร่านมากกว่า