วันที่ 2 สิงหาคม 2568 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษเพื่อติดตามสถานการณ์และให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้เดินทางไปยังศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ นายประเสริฐ ได้มอบเงินช่วยเหลือจากกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ให้แก่ญาติของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สู้รบบริเวณชายแดน จำนวน 9 ราย จากนั้นนายประเสริฐ ได้นำคณะเยี่ยมให้กำลังใจและมอบสิ่งของจำเป็นที่ได้รับการบริจาคจากคนไทยทั้งประเทศที่ส่งผ่านน้ำใจร่วมกับทางไปรษณีย์ไทยให้แก่ผู้ประสบภัยที่ศูนย์อพยพ ในอำเภอกันทรลักษ์ พร้อมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงแนวทางการดูแลและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างเป็นระบบ
ทั้งนี้ นายประเสริฐ ได้สั่งการ
1.ให้สํานักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดศรีสะเกษ เร่งรวบรวมเอกสารของผู้ประสบภัยที่เหลือให้ครบถ้วนโดยด่วน
2.ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษติดตามการเบิกจ่ายอย่างเร่งด่วน
3.ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงานเร่งรัดการตรวจสอบผู้ประสบภัยที่เหลืออีก 24 ราย โดยเร็ว
4. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสํารวจโครงสร้างพื้นฐาน ถนนหนทาง โรงพยาบาล โรงเรียน วัดวาอาราม บ้านเรือนประชาชน แหล่งโบราณสถาน โบราณวัตถุ เพื่อขอรับการช่วยเหลือต่อไป
จากนั้น นายประเสริฐและคณะเดินทางร่วมวางดอกไม้ไว้อาลัย ณ สถานเกิดเหตุความรุนแรงบริเวณสถานีบริการน้ำมันบ้านผือ อำเภอกันทรลักษณ์ ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย อีกทั้งได้เดินทางตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่ทำการไปรษณีย์ในอำเภอกันทรลักษ์ ซึ่งเป็นหน่วยงานด่านหน้าที่มีบทบาทในการสนับสนุนการสื่อสารและช่วยเหลือประชาชนในช่วงวิกฤติ
นายประเสริฐ กล่าวว่า ในฐานะตัวแทนรัฐบาลและตัวแทนนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้ฝากความห่วงใยมาถึงทุกท่านและฝากกําลังใจมาให้ผู้ปฏิบัติงาน การลงพื้นที่ในครั้งนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการเร่งเยียวยาและฟื้นฟูความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ชายแดน รัฐบาลให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนเป็นอย่างยิ่ง และต้องการให้สถานการณ์กลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด นอกจากการเยียวยาผู้ได้รับบาดเจ็บและครอบครัวของผู้เสียชีวิตแล้ว รัฐบาลยังมีมาตรการเพิ่มเติมที่จะออกมาในไม่ช้านี้เพื่อช่วยเหลือและฟื้นฟูความเป็นอยู่ของประชาชนในทุกมิติ
“ในระยะเร่งด่วน รัฐบาลจะให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูและซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหาย อาทิ ถนน สะพาน โรงพยาบาล โรงเรียน และแหล่งน้ำ พร้อมทั้งเร่งดำเนินการติดตั้งอินเทอร์เน็ตให้กับชุมชนในพื้นที่ เพื่อสนับสนุนการเข้าถึงข้อมูลและบริการของรัฐ นอกจากนี้ ยังมีมาตรการส่งเสริมอาชีพและสนับสนุนการเริ่มต้นธุรกิจหรือเกษตรกรรมใหม่สำหรับผู้ที่สูญเสียรายได้ โดยไปรษณีย์ไทย ได้เปิดโครงการ ‘ตู้ ปณ. ช่วยผู้ประสบภัยไทย – กัมพูชา’ ซึ่งไม่เสียค่าใช้จ่าย ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 25 สิงหาคม 2568 ถือเป็นอีกหนึ่งบทบาทสําคัญของไปรษณีย์ไทย ในการเป็นกลไกกลางเชื่อมโยงความห่วงใยจากคนไทยทั่วประเทศ ส่งตรงไปยังประชาชนและเจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดน เพราะเชื่อว่าการส่งต่อสิ่งของจําเป็น ไม่เพียงเป็นการช่วยเหลือด้านกายภาพ แต่ยังเป็นพลังใจที่ยิ่งใหญ่ในยามยากลําบาก” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอีกล่าว