นพ.คณวัฒน์ จันทรลาวัณย์ โฆษกกรรมาธิการวิสามัญรับฟังความคิดเห็นของ นิสิต นักศึกษา และประชาชน โพสต์เฟซบุ๊ก แสดงความสงสัยว่า ในวันที่ประชุมกรรมาธิการฯ ได้เชิญตัวแทนสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และตัวแทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เข้าชี้แจงเหตุการณ์การชุมนุมต่างๆ ทั้งที่กรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ว่าได้มีการคุกคามประชาชน หรือจะมีการจับกุมแกนนำหรือไม่ ซึ่งตัวแทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่งข้อมูลมาภายหลัง และในบ่ายวันเดียวกันนั้น กลับปรากฏข่าวว่ามีรายชื่อและข่าวการจับกุมตัวแกนนำการชุมนุม ทำให้ในกลุ่มกรรมาธิการฯ เป็นห่วง และจึงเกิดคำถามว่า ทำไมต้องรอส่งข้อมูลในภายหลัง ทั้งที่บ่ายถึงเย็นในวันนั้น มีการเข้าควบคุมตัว หรือทำไมถึงชี้แจงไปในทางที่ทำให้รู้สึกว่าตำรวจอยู่ข้างประชาชน คอยดูแลความสงบเรียบร้อย ไม่คุกคาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงยุทธศาสตร์ที่ผิดพลาดเพียงเท่านั้น
นพ.คณวัฒน์ เขียนต่ออีกว่า แต่พอกลับมามองคดีลูกชายเจ้าสัวเมืองไทย คดีบ่อนพระราม3 ทั้งเรื่องของกล้องวงจรปิดในบ่อนบ้าง เรื่องของความเร็วรถที่เปลี่ยนกลับไปกลับมาอีก หรือแม้แต่เรื่องพลิกตำราทันตแพทย์ ใช้สารเสพติดเป็นส่วนผสมของยาชาอีกด้วย และย้ำว่าสิ่งที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่แต่เรื่องของการเมือง แต่คือกระบวนการในการดำเนินการ ระบบราชการ เช่น กระบวนการยุติธรรม เป็นต้น
พร้อมกับยังยกคำกล่าวของบุคคลที่ นพ.นพ.คณวัฒน์ ระบุว่าเป็นผู้ใหญ่ที่ตนเคารพรัก ไว้ว่า "ถึงแม้คนเราจะเกิดมาไม่เท่ากัน แต่เราต้องทำให้ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน" ซึ่งทำให้คิดว่าสถานการณ์ตอนนี้จะไหลเข้าไปรวมอยู่ในจุดที่เรา (ประเทศไทย) พบเห็นมาตลอดทั้งในประวัติศาสตร์ชาติไทยที่ผ่านมา รวมถึงอดีตไม่กี่ปีมานี้