วันที่ 2 พ.ย. 2565 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการจัดโซนนิ่งสถานบันเทิงจากการหารือร่วมกับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่อาจจะมีการปรับเปลี่ยนสถานที่ที่ยังมีปัญหาในข้อกฎหมายว่าจะเสนอการปรับปรุงระเบียบกฎหมายกับกระทรวงมหาดไทยให้สอดคล้องกับการจัดโซนนิ่งสถานบันเทิงเพื่อให้สอดคล้องกับบริบทปัจจุบันมากขึ้น โดยจะให้ผู้เปิดกิจการสถานบันเทิงเข้าสู่ระบบและเป็นไปตามข้อเท็จจริงเช่น เวลาเปิด-ปิด หากไม่เสียหายต่อภาพรวมคาดว่าจะเกิดการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายได้ ส่วนสถานประกอบการหลายแห่งที่ปัจจุบันมีนอมินีชาวต่างชาติเข้ามาประกอบกิจการนั้น ต้องกวดขันอย่างเข้มงวดตามนโยบายรัฐบาลเพราะหากปล่อยประละเลยสถานบันเทิงจะเป็นแหล่งแพร่ระบาดของยาเสพติด อาวุธปืนและเด็กอายุต่ำกว่าเกณฑ์ได้ 

ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่าในพื้นที่ กทม.ไม่มีบ่อนการพนัน แต่ประชาชนในพื้นที่ยังออกมาให้ข้อมูลจำนวนมาก ผบ.ตร.กล่าวว่า ต้องดูว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อไหร่ และการออกมาให้ข้อมูลนั้นต้องเป็นที่ชัดเจน ส่วนการดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจสีเทานั้น หากพบว่ามีการกระทำความผิดและพยานหลักฐานไปถึง ต้องดำเนินการตามกฏหมาย

ส่วนที่นักพนันมีคำเปรียบเปรยว่า บ่อนการพนันในพื้นที่ กทม.เหมือนสินค้าโอทอป 1 โรงพัก 1 บ่อนนั้น พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กล่าวว่า เชื่อว่าคือมุมมองของนักพนัน หากเป็นประชาชนทั่วไปคงไม่มีมุมมองแบบนั้น หากมีพยานหลักฐานกล่าวอ้างในสิ่งที่พูดเจ้าหน้าที่ตำรวจยินดีที่จะดำเนินการกับส่วนที่เกี่ยวข้อง เพราะหากมีแหล่งหรือที่มาเจ้าหน้าที่ตำรวจมีความชัดเจนและนโยบายในการปราบปรามอยู่แล้ว หากประชาชนมีข้อมูลที่ชัดเจนสามารถส่งข้อมูลทางลับมาให้ได้ หรือนำส่งข้อมูลด้วยตนเองที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล 

ส่วนที่การอ้างว่ามีบ่อนการพนันในกรุงเทพฯ 30 กว่าบ่อนจากข้อมูล 100 กว่าบ่อนนั้น ยืนยันว่า มีการตรวจสอบทางลับตามที่กล่าวอ้างแล้ว และสิ่งที่กล่าวอยู่บนพื้นฐานอะไร ซึ่งจากการตรวจสอบทางลับยังไม่พบเบาะแส ส่วนกรณีผับที่ยานนาวา ฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างการดำเนินการขยายผลเพิ่มเติม

ทั้งนี้ หากข้อมูลที่นักพนันกล่าวอ้างแต่ไม่มีข้อมูลหลักฐานและไม่เป็นความจริงหากไม่เป็นประโยชน์ต่อสังคม เมื่อดำเนินการแล้วไม่เกิดผลประโยชน์ต่อประชาชน ก็ต้องจัดลำดับความสำคัญในการดำเนินการ พร้อมย้ำว่า หากมีการจับบ่อนเจ้าหน้าที่ไม่สามารถวางมาตรการนอกเหนือจากที่กฎหมายกำหนดไว้ได้ เช่น สิทธิ์ในการให้การหรือไม่ให้การหรือสิทธิ์ในการได้รับการประกันตัว ทุกอย่างมีข้อกฎหมายกำหนดมีระเบียบที่ชัดเจนในเรื่องเหล่านี้ตามกฎหมาย

ส่วนการที่พบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจนำข้อมูลในทะเบียนราษฎร์ของประชาชนไปใช้ในทางมิชอบนั้น พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่าเป็นการตรวจพบจากหลักฐานเส้นทางการเงินของบัญชีม้าที่เกี่ยวกับเรื่องสถานบันเทิงและออนไลน์ เมื่อตรวจเช็คแล้วพบว่ามีการเข้าสู่ระบบทะเบียนราษฎร์กว่าหนึ่งพันครั้งซึ่งผิดปกติจึงประสานไปยังกระทรวงมหาดไทยช่วยตรวจสอบ สิ่งที่เจ้าหน้าที่ต้องระวังคือหากข้อมูลออกไปสู่ระบบของมิจฉาชีพ เจ้าหน้าที่ต้องรับผิดชอบเพราะการกดเข้าไปในทะเบียนราษฎร์ต้องเป็นเรื่องการสอบสวนหรืองานที่รับผิดชอบเท่านั้น