ไม่พบผลการค้นหา
ปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยขนาดใหญ่กำลังดำเนินอยู่กลางมหาสมุทรแอตแลนติก หลังจากเรือดำน้ำท่องเที่ยวลำหนึ่งหายไป ระหว่างดำลงไปที่ซากเรือไททานิคเมื่อวันอาทิตย์ (18 มิ.ย.) ทั้งนี้ หน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ ระบุว่า การติดต่อกับเรือดำน้ำขนาดเล็กลำดังกล่าวหายไปประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาทีหลังจากมันเริ่มการดำน้ำลงไป

บริษัททัวร์ OceanGate กล่าวว่า พวกเขากำลังสำรวจทางเลือกทั้งหมดเพื่อช่วยเหลือคนในเรือดำน้ำทั้ง 5 คน ทั้งนี้ ค่าทัวร์ชมซากเรือไททานิกมีราคาอยู่ที่ 250,000 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 8.7 ล้านบาท) สำหรับการเดินทาง 8 วัน รวมถึงการดำน้ำไปยังซากเรือที่ความลึก 3,800 เมตร

เจ้าหน้าที่กล่าวว่าหน่วยงานรัฐบาลทั้งกองทัพเรือสหรัฐฯ และแคนาดา และบริษัทพาณิชย์ใต้ทะเลลึก กำลังเข้าร่วมภารกิจช่วยเหลือปฏิบัติการกู้ภัย ทั้งนี้ ซากเรือไททานิกจมอยู่ห่างจากเมืองเซนต์จอห์น รัฐนิวฟันด์แลนด์ของแคนาดาไปทางใต้ประมาณ 700 กิโลเมตร แม้ว่าภารกิจกู้ภัยกำลังดำเนินการจากเมืองบอสตัน มลรัฐแมสซาชูเซตส์ของสหรัฐฯ

มีการคาดการณ์ว่าเรือดำน้ำที่หายไปนั้น เป็นเรือดำน้ำไททันของ OceanGate ซึ่งเป็นเรือดำน้ำขนาดเท่ารถบรรทุกที่บรรจุคนได้ 5 คน และมักจะดำน้ำโดยใช้ออกซิเจนฉุกเฉินเป็นเวลา 4 วัน

ในช่วงบ่ายวันจันทร์ (19 มิ.ย.) พลเรือตรี จอห์น เมาเกอร์ จากหน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ กล่าวในการแถลงข่าวว่า "เราคาดว่าจะมีช่วงเวลาระหว่าง 70 ถึง 96 ชั่วโมงเต็ม ณ จุดนี้" ที่เหลืออยุ่ในการเข้าช่วยเหลือ นอกจากนี้ เมาเกอร์ยังกล่าวด้วยว่า เครื่องบิน 2 ลำ เรือดำน้ำ 1 ลำ และทุ่นโซนาร์ ถูกนำเข้ามามีส่วนร่วมในภารกิจการค้นหาเรือดำน้ำลำนี้ แต่ระบุว่าพื้นที่ที่กำลังทำการค้นหาอยู่นั้นตั้งอยู่ "ห่างไกล" ทำให้ปฏิบัติการเป็นไปได้ยาก

พร้อมกันนี้ เมาเกอร์ ยังกล่าวอีกว่า ทีมกู้ภัยกำลัง "รับกรณีนี้เป็นการส่วนตัว" และกำลังทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อนำผู้ที่อยู่บนเรือ "กลับบ้านอย่างปลอดภัย"

ฮามิช ฮาร์ดิง นักธุรกิจและนักสำรวจมหาเศรษฐีชาวสหราชอาณาจักรวัย 58 ปี เป็นหนึ่งในผู้ที่อยู่บนเรือดำน้ำที่หายไป โดยในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ฮาร์ดิงกล่าวว่าเขา "ภูมิใจที่จะประกาศในที่สุด" ว่าเขาจะร่วมปฏิบัติภารกิจซากเรือไททานิก แต่ระบุเสริมว่าเนื่องจาก "ฤดูหนาวที่เลวร้ายที่สุดในนิวฟันด์แลนด์ในรอบ 40 ปี ภารกิจนี้จึงน่าจะเป็นภารกิจแรกและภารกิจเดียวต่อเรือไททานิกในปี 2566”

OceanGate กล่าวว่า "โฟกัสทั้งหมด (อยู่ที่) ลูกเรือในเรือดำน้ำและครอบครัวของพวกเขา" พร้อมระบุว่า “เรารู้สึกขอบคุณอย่างสุดซึ้ง สำหรับความช่วยเหลือมากมายที่เราได้รับ จากหน่วยงานรัฐบาลหลายแห่งและบริษัทใต้ท้องทะเลลึก ในความพยายามของเราในการติดต่อกับเรือดำน้ำลำนี้อีกครั้ง”

บริษัทดังกล่าวให้บริการการเดินทาง 8 วัน ด้วยเรือดำน้ำคาร์บอนไฟเบอร์ ซึ่งทางบริษัทระบุบนเว็บไซต์ว่าเป็น "โอกาสที่จะก้าวออกจากชีวิตประจำวัน และค้นพบบางสิ่งที่พิเศษอย่างแท้จริง" ทั้งนี้ กำลังมีการสำรวจ 1 รายการที่กำลังดำเนินอยู่ และอีก 2 รายการมีการวางแผนจะดำเนินการในเดือน มิ.ย. 2567

เรือดำน้ำมักจะบรรทุกนักขับเรือ แขกที่จ่ายเงิน 3 คน และบุคลากรที่บริษัทเรียกว่าเป็น "ผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหา" โดยการเดินทางจะเริ่มออกเดินทางจากเซนต์จอห์นในนิวฟันด์แลนด์ มีรายงานว่าการดำลงไปที่ซากเรือแต่ละครั้ง ซึ่งรวมถึงการลงและขึ้นนั้นใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง

เว็บไซต์ OceanGate แสดงรายการเรือดำน้ำ 3 ลำที่เป็นของบริษัท และมีเพียงเรือดำน้ำไททันเท่านั้นที่สามารถดำน้ำลึกพอที่จะไปถึงซากเรือไททานิกได้ ทั้งนี้ เรือดำน้ำไททันลำนี้มีน้ำหนัก 10,432 กิโลกรัม และตามเว็บไซต์ระบุว่ามันสามารถดำลงน้ำได้ลึกถึง 13,100 ฟุต และมีระบบอากาศสำรองการช่วยเหลือชีวิต 96 ชั่วโมงสำหรับลูกเรือ 5 คน ทั้งนี้ ยังมีเรือโพลาร์ พริ้นซ์ ซึ่งใช้ในการขนส่งเรือดำน้ำไปยังซากเรือ ที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับการสำรวจในครั้งนี้

เรือไททานิก ซึ่งเป็นเรือลำใหญ่ที่สุดในยุคนั้น ชนภูเขาน้ำแข็งในการเดินทางครั้งแรกจากเซาแธมป์ตันไปนิวยอร์กในปี 2455 ส่งผลให้มีผู้โดยสารและลูกเรือบนเรือ 2,200 คนเสียชีวิตมากกว่า 1,500 คน ทั้งนี้ ซากปรักหักพังของมันถูกสำรวจอย่างกว้างขวางนับตั้งแต่ถูกค้นพบในปี 2528

ซากเรือไททานิกแตกออกเป็นสองส่วน โดยหัวเรือและท้ายเรือแยกจากกันห่างไปประมาณ 2,600 ฟุต พร้อมกันกับเศษซากขนาดใหญ่ล้อมรอบเรือที่แตก โดยเมื่อเดือนที่แล้ว นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการสแกนด้วยระบบดิจิทัลต่อซากเรือไททานิกขนาดเต็มครั้งแรก ด้วยการทำแผนที่ใต้ทะเลลึก ทั้งนี้ การสแกนได้แสดงให้เห็นถึงทั้งขนาดของเรือไททานิกจริง ตลอดจนรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อาทิ หมายเลขประจำเครื่องบนหนึ่งในใบพัด


ที่มา:

https://www.bbc.com/news/world-us-canada-65953872?fbclid=IwAR3MG9mHEjBNlBnst6u6vx5RxTRXdxJNVycZtSXUvFVHTwpi1W8l6t2F-P4