ไม่พบผลการค้นหา
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเผยวันนี้ 2 ผู้ถูกกล่าวหาคดี 112 จากกรณีการชุมนุมบริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์พระเจ้าตากสินมหาราช เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. เข้ารายงานตัวต่ออัยการ แต่ยังไม่ความเห็นส่งฟ้องหรือไม่ เลื่อนนัดออกไปก่อน นอกจากนี้ยังมีผู้ถูกกล่าวหาอีกรายเข้าพบ ปอท. และได้รับการปล่อยตัวชั้นสอบสวน

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธมนุษยชน รายงานว่า วันนี้ 'จัสติน' หรือ ชูเกียรติ แสงวงค์ และวรรณวลี ธรรมสัตยา หรือ 'ตี้' นิสิตมหาวิทยาลัยพะเยา เดินทางไปรายงานตัวกับอัยการธนบุรี เนื่องจากถูกแจ้งข้อหาหมิ่นกษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จากเหตุปราศรัยในการชุมนุมบริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์พระเจ้าตากสินมหาราช วงเวียนใหญ่ เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 2563 โดยในคดีนี้ยังมีผู้กล่าวหาอีกคนเป็นเยาวชนอายุ 17 ปี ด้วย อย่างไรก็ตามในวันนี้ อัยการยังไม่มีคำสั่งว่าจะฟ้องหรือไม่ และได้เลื่อนการนัดหมายออกไปเป็นวันที่ 27 เม.ย. 2564

สำหรับคดีนี้ ชูเกียรติ ถูกกล่าวหาจากคำปราศรัยหลายตอน มีเนื้อหากล่าวถึงการใช้มาตรา 112 เพื่อปิดปากประชาชน พูดถึงข้อเรียกร้องให้มีการปฎิรูปสถาบันกษัตริย์ รวมทั้งเหตุจากการแต่งตัวเหมือน 'จัสติน' วรรณวลี ถูกกล่าวหาจากคำปราศรัยหลายตอน มีเนื้อหากล่าวถึงตำแหน่งจอมทัพไทย หลักการเรื่องสถาบันกษัตริย์ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง และเรื่องการรัฐประหาร ส่วนเยาวชน อายุ 17 ปี ถูกกล่าวหาจากเนื้อหาคำปราศรัยถึงการปกครองของไทยที่ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย แต่เป็นระบอบสมบูรณญาสิทธิราชย์ รวมทั้งกล่าวถึงการรัฐประหาร และเรียกร้องให้ปฏิรูปประเทศ

นอกจากนี้ เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ผู้ถูกกล่าวหา พุทธพงศ์ (สงวนนามสกุล) เดินทางไปรับทราบ 2 ข้อกล่าวหามาตรา 112 และพรบ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) กรณีแสดงความคิดบนเฟซบุ๊กส่วนตัวเกี่ยวกับสถาบัน ต่อมาได้รับการปล่อยตัวในชั้นสอบสวน โดยไม่ต้องวางหลักประกัน เนื่องจากได้มาปรากฏตัวต่อหน้าพนักงานสอบสวนตามนัดหมาย ไม่มีเหตุให้ควบคุมตัว

อย่างไรก้ตามก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 9 มี.ค เวลา 07.00 น.พุทธพงศ์ถูกเจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้น ภายใต้อำนวยการของ พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผู้บัญชาการ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) แสดงหมายค้นของศาลอาญา และเข้าตรวจค้นบ้านพัก โดยเจ้าหน้าที่ได้ยึดอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ ได้แก่ คอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือไปด้วย 

จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวพุทธพงศ์ไปที่บก.ปอท. ในรถกระบะของตำรวจ โดยมีเจ้าหน้าที่ 2 นายนั่งประกบโดยอ้างว่าจะพาไปลงลายมือชื่อในเอกสารเท่านั้น และหากแล้วเสร็จจะปล่อยตัว อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ไม่ได้แสดงหมายเรียกหรือหมายจับแก่พุทธพงศ์แต่อย่างใด 

เมื่อพุทธพงศ์ถูกคุมตัวมาซักถามที่บก.ปอท. เขาไม่ได้รับสิทธิให้ติดต่อญาติหรือทนายแต่อย่างใด ทำให้ระหว่างการซักถามในห้องสอบสวน มีเพียงพุทธพงศ์เท่านั้น ไม่มีทนายเข้าร่วมการซักถามครั้งนี้ด้วย โดยเจ้าหน้าที่ยังนำเอกสารมาให้ลงลายมือชื่อ ซึ่งตนได้ลงลายมือชื่อไปเพราะมีอาการหวาดกลัวและตื่นตระหนก 

หลังการซักถาม พนักงานสอบสวนกลับเปลี่ยนใจจะแจ้งข้อหามาตรา 112 แก่พุทธพงศ์ในวันนั้น แม้ตอนแรกระบุว่า จะนำตัวมาเพื่อซักถามข้อมูลเท่านั้น 

ขณะเดียวกัน ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้เดินทางไปถึงบก.ปอท.หลังการซักถาม และได้ปรึกษากับพุทธพงศ์ จึงตัดสินใจให้พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกผู้ต้องหาให้พุทธพงศ์มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 18 มี.ค. เวลา 10.00 น. 

ก่อนรับทราบข้อหา พุทธพงศ์ เผยว่า ตนมีความกังวล หากตนถูกจับเข้าเรือนจำ อาจอยู่ไม่ได้ เนื่องจากเป็นผู้หญิงข้ามเพศ (transwoman) ด้านญาติพุทธพงศ์เกรงจะเหมือนกรณี “ฟ้า-พรหมศร” ที่ไม่ได้รับการประกันตัวในชั้นสอบสวน แม้เดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก

หลังเสร็จกระบวนการ พนักงานสอบสวนได้ปล่อยตัวพุทธพงศ์ไป โดยไม่ควบคุมตัวไว้ เนื่องจากมาปรากฎต่อหน้าพนักงานสอบสวนแล้ว ไม่มีเหตุให้ควบคุมตัว