ไม่พบผลการค้นหา
กลุ่มปชช.คนไทย บุกสถานทูตสหรัฐอเมริกา ยื่นหนังสือจี้หยุดแทรกแซง-บ่อนทำลายความมั่นคงไทย

ที่สถานทูตสหรัฐอเมริกา กลุ่มประชาชนคนไทย นำโดยทนายนกเขา-นิติธร ล้ำเหลือ, พิชิต ไชยมงคล และ ภิมะ สิทธิ์ประเสริฐ เดินทางมายื่นหนังสือถึงรัฐบาลสหรัฐอเมริกา กรณีความพยายามแทรกแซงและบ่อนทำลายความมั่นคงในประเทศไทย พร้อมมวลชนจำนวนหนึ่งมาร่วมให้กำลังใจ โดยบรรยากาศบริเวณด้านหน้าสถานทูต มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล ตำรวจสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจ สน.ลุมพินี และเจ้าหน้าที่ประจำสถานทูต รวมกันกว่า 30 นาย กระจายกำลังรักษาความปลอดภัยและดูแลการจราจรบนถนนวิทยุ

ภายหลังนายนิติธรเดินทางมาถึง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของทางสถานทูต และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าเจรจากับนิติธร เพื่อขอความร่วมมือให้มวลชนทำกิจกรรมบนทางเท้า เพื่อไม่ให้เป็นการกีดขวางประตูทางเข้า-ออกสถานทูต ซึ่งนิติธร กล่าวว่า ทำไมพูดคำเดียวไม่รู้เรื่อง เพราะเขาจะยื่นหนังสือกันตรงนี้ พร้อมมวลชนบางส่วนที่บอกว่า ขอใช้เวลาไม่นาน เดี๋ยวก็กลับแล้ว


ขอหยุดแทรกแซงการเมืองไทย

ต่อมาได้มีตัวแทนอ่านแถลงการณ์ว่า ตลอดเวลา 20 ปีที่ผ่านมา กลุ่มประชาชนคนไทยได้ติดตามสถานการณ์ของประเทศต่างๆ ทั่วโลก เห็นความขัดแย้งของประชาชนในประเทศต่างๆ และการเข้าครอบงำทางความคิดของสหรัฐฯ ผ่านปฏิบัติการทางด้านการทูต และองค์กรลับ จนถึงขั้นเข้าแทรกแซงด้วยกำลังทหาร และอาวุธ โดยอ้างว่าต้องการให้เกิดประชาธิปไตย การกระทำดังกล่าวถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง เสมือนเป็นอาชญากรสงคราม 

ทั้งยังปรากฏว่า มีเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยเข้ามามีส่วนสัมพันธ์กับกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองไทยที่มีข้อเรียกร้องพยายามที่จะทำลายความมั่นคงของชาติไทยอย่างใกล้ชิด ดังนั้นการมาในวันนี้ จึงเป็นการแสดงออกถึงการไม่ยอมรับและขอให้ยุติพฤติกรรมดังกล่าว พร้อมให้คำนึงถึงความร่วมมือทางการทูตอย่างสร้างสรรค์ เพื่อให้สมกับที่ประเทศไทยและประเทศสหรัฐอเมริกาต่างเรียกกันว่า ”มหามิตร”


พบหลักฐานเชื่อมโยง

จากนั้นนิติธร ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า การยื่นหนังสือครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่สอง ภายใต้ข้อเรียกร้องเดิม คือ ขอให้สหรัฐอเมริกา ยุติการแทรกแซงความมั่นคงของชาติไทย เนื่องจากทางกลุ่มพบว่ามีหลักฐานบทสนทนาระหว่างองค์กรที่รับบริจาคเงิน เพื่อเคลื่อนไหวทางการเมืองไทย กับบุคคลอักษรย่อ H ซึ่งทราบว่าเป็นบุคคลที่อยู่ในสถานทูตสหรัฐ แต่จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่นั้น ก็ต้องให้เจ้าหน้าที่สถานทูตได้ตรวจสอบ นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องของ เดวิด สเตร็คฟัสส์ นักวิชาการชาวอเมริกัน ก็เป็นที่ประจักษ์อยู่แล้วว่ามีการรับบริจาคเงินเพื่อการเคลื่อนไหวดังกล่าวเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ เพราะนานาประเทศทั่วโลกก็ไม่ได้ทำแบบที่สหรัฐอเมริกาทำ