ประตูเหล็กสีเลือดหมูค่อยๆ เลื่อนเปิดกระแทกขอบดังตึ้ง ‘จำรัส คูหะเจริญ’ เดินออกมาทักทาย ‘วอยซ์ออนไลน์’ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม สะท้อนความสุขในวัย 81 ปี
“สวัสดีครับ เชิญๆ กินน้ำก่อน”
จำรัส เป็นเจ้าของสวนมะนาวขนาด 2 ไร่เศษ พื้นที่อยู่ติดถนนใหญ่ เขตภาษีเจริญ ใกล้กับรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีวุฒากาศ เพียง 500 เมตร ที่ผ่านมาแม้จะเคยได้รับข้อเสนอถึง 100 ล้านบาท จากดีเวลลอปเปอร์อสังหาริมทรัพย์หลายแห่ง แต่จำรัสก็ตอบปฏิเสธอย่างทันควัน
“ผมบอก 2 พันล้าน” จำรัสหัวเราะ “ถ้าสู้ ผมก็ขยับขึ้นไปอีก”
จำรัสเป็นอดีตข้าราชการ แต่วันนี้เขาอธิบายตัวเองว่าเป็นเกษตรกรเต็มตัว ไม่ขอเอาเรื่องอดีตหรือตำแหน่งมาเป็นหัวโขนให้คนสับสน
เขาซึมซับการเป็นเกษตรกรและการปลูกต้นไม้มาจากคุณพ่อคุณแม่ “ผมมีประสบการณ์เกินเพียง” จำรัสฉีกยิ้ม หัวเราะเขินๆ โดยทดลองปลูกมาแล้วหลากหลายชนิด ไล่ตั้งแต่ มะลิ กล้วยไม้ โป๊ยเซียน ส้ม มะม่วง จนมาจบที่ ‘มะนาว’ เมื่อราวสิบกว่าปีก่อน
ชายวัย 81 ปี ใช้เวลาพัฒนาสายพันธุ์มะนาวอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแนวคิดและการทำงานจาก ‘ศ.ระพี สาคริก’ ผู้บุกเบิกวงการกล้วยไม้ไทย และอดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
“อาจารย์ท่านสอนว่า ลูก...มันสมองอย่าตาย ถ้าตายแล้วดึงยาก ผมจึงคิดไม่หยุดนิ่งหรือปล่อยให้ตัวเองตาย”
มะนาวของจำรัสเติบโตจากเทคนิคการปักชำ จดทะเบียนกับสำนักคุ้มครองพันธุ์พืชแล้ว 3 สายพันธุ์ ได้แก่ จ.9 , จ.28 และ จ.29 ซึ่ง จ.ย่อมาจากชื่อจริงของตัวเอง
“น้ำเนื้อกลิ่นต้องดี เราทำให้ลูกโต ดก ปลูกง่าย ต้านทานโรคเก่ง น้ำมาก รสเปรี้ยว กลิ่นหอม นี่คือเกณฑ์ที่ผมตั้งไว้ ถ้าไม่ผ่าน อย่าปลูก” ชายวัยเกษียณชี้นิ้วไปทางซ้าย “มะนาวผม 1 ลูกเท่ากับมะนาวแป้น 3 ลูก”
จำรัสขายแค่ต้นอย่างเดียว ส่วนลูกและความรู้นั้น ‘แจกฟรี’ เพราะความสุขและอยากตอบแทน
“ผมให้และความสุขมันจะเกิด เอาไปทานสิ เอาสิ หรือบางคนพอไปเห็นลูกโตๆ อาจารย์ได้ไหม เอาสิๆ” เขาบอก
“ผมสอนฟรีก็จริง เพียงแต่ใครมาเรียนขอให้เอาจริงนะ อย่าให้ผมต้องเหนื่อยเปล่าๆ สอนแล้วต้องทำ ทำแล้วต้องได้เงินใช้ ทุกอย่างปลูกเพื่อเงิน เพราะเราไม่ได้เป็นคนร่ำรวย ผมสอนลูกศิษย์ทุกคน เราทำเพื่อเงิน เพื่อรายได้ ที่เชียงใหม่มีลูกศิษย์ผมได้ปีละ 10 กว่าล้าน จากพื้นที่ 39 ไร่
“อีกอย่างผมต้องการตอบแทนบุญคุณทุกๆ คน เพราะทุกๆ คนเลี้ยงผมอยู่ รวมทั้งคุณด้วย ผมรับบำนาญรวมทั้งภาษีชาวบ้าน ถ้าเราเป็นผู้ให้บ้างแล้วความสุขมันจะเกิด ไม่ใช่อันนี้ไม่ได้ ไม่ได้ ไม่ได้ ที่ให้มากสุดคือความรู้ เป็นวิทยาทานและกุศลทาน ซื้อไม่ได้”
พ่อแม่ของจำรัสครอบครองที่ดินแห่งนี้มาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 โดยซื้อมา 7 ไร่ ในราคา 400 บาท ก่อนถูกภาครัฐเวนคืนทำถนน 5 ไร่ เหลือปัจจุบัน 2 ไร่เศษ
หลาย 10 ปีมานี้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดดเด่น เจริญเติบโตทั่วเมืองกรุง พร้อมกับการล้มหายของบ้านเรือนเก่าแก่ โดยเฉพาะทำเลทองย่านรถไฟฟ้าที่ถูกกว้านซื้อหลังแล้วหลังเล่า
หนุ่มใหญ่ผมสีดอกเลาได้รับข้อเสนอซื้อขายอย่างต่อเนื่อง ตัวเลขสูงสุดคือ 1 แสนบาทต่อตารางวา หรือร่วม 100 ล้านบาท
“ผมตั้งไว้ 2,000 ล้าน ถ้าสู้ก็มา ผมก็ขึ้นไปอีกครับ” เขาบอกเหตุผลที่ปฏิเสธต่อ “คุณจำไว้นะ รับสมบัติพ่อแม่ ชุบมือเปิบทุกคน พ่อแม่เหนื่อยยากมามากไหม แล้วคุณทำลายหรอ ผมอาจขายตรงนี้ ไปซื้อที่อื่นได้เยอะเลย แต่ผมไปอยู่โน่น มีความสุขหรือเปล่า ตอบไม่ได้ ถ้าคุณไปเจอเพื่อนบ้านดี โชคของคุณดี ถ้าคุณไปเจอเพื่อนบ้านร้ายหรือขโมยเยอะแยะ โชคคุณร้าย ตอบไม่ได้
“อยู่ที่นี่มันสะดวกสบายแล้ว จะดิ้นรนทำไม ผมมีเงินพอกินพอใช้ ไม่ได้เดือดร้อนอะไร กินอยู่อย่างสมถะ สบายๆ”
พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะเริ่มบังคับใช้จริงในเดือน ส.ค.2563 โดยจำรัสบอกว่าพร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เต็มที่ ทำการยื่นเรื่องเรียบร้อย อยู่ระหว่างรอสำรวจและตรวจสอบความถูกต้อง
“ผมเป็นพลเมืองดี ผมจะไม่ติด ไม่มีคำว่าค้างให้เขาทวง เพราะเราใช้ของเขาแล้ว ที่ดินถ้าเขาประเมินมา ก็ต้องเสีย”
กิจวัตรของชายวัยเกษียณ ทำหลายคนอิจฉา ตื่นเช้าออกกำลังกาย ดูแลต้นไม้วันละ 10 กระถาง พักเหนื่อยด้วยมนต์เพลงสุนทราภรณ์ ง่วงเมื่อไหร่ก็นอน ทำบุญทำทาน ชื่นมื่นกับความสุขในแต่ละวัน โดยไม่มีโรคประจำตัว ขณะที่ภรรยาและลูกหลานต่างชื่นชมกับความสำเร็จ ไม่ได้ห้ามปรามเพียงแค่ทักให้รักษาสุขภาพ
จำรัสบอกว่าการปลูกต้นไม้ เหมือนยิงนกโป้งเดียวได้ 4 ตัว คือ 1.ออกกำลังกาย 2.สบายใจเมื่อต้นไม้งาม 3.ได้อาหาร และ 4.สร้างรายได้
“ผมปลูกต้นไม้เยอะๆ ไว้เผื่อแผ่คนอื่นด้วย เพราะต้นไม้จะคลายออกซิเจน คุณดูซิข้างนอกแทบไม่มีออกซิเจน มีแต่คาร์บอนไดออกไซด์ นี่คือความเผื่อแผ่”
เป้าหมายในวัย 81 ปีของจำรัสคือ “การมีเงินเยอะๆ” เขาบอก “ตอนนี้ทำบุญไม่จุใจ เพราะเรามีจำกัด” โดยเน้นที่โรงพยาบาลและทุนการศึกษาของเด็กนักเรียน
6 สิ่งที่จำรัสแนะนำทุกเพศทุกวัยคือ 1.อย่ากินเหล้า 2.อย่าสูบบุหรี่ 3.ดื่มน้ำให้มาก 4.ออกกำลังกาย 5.ดื่มนม หากเป็นผู้ใหญ่ต้องนมพร่องมันเนยหรือไขมันต่ำ 6.อย่ายุ่งเกี่ยวยาเสพติด-อบายมุข
“ฝากถึงคนรุ่นใหม่ ผมยุให้เรียนหนังสือ ถ้าผู้ใหญ่ผมยุให้ทำงาน ใครบอกไม่มีกิน ผมจะขอดูมือดูเท้า ถ้ามือเท้าดี คนเก็บขยะยังอยู่ได้แล้วทำไมคุณบ่นไม่มีกิน นั่นเพราะคุณไม่ทำ ศาสตร์ทุกอย่างต้องเรียนรู้ ถ้าไม่เป็นจะโทษว่าโชคไม่ดีมือร้อน นั่นคือคุณไม่มีความรู้ เพราะถ้ามีความรู้ โชคดีมือเย็นหมด”
ในฐานะผู้สูงอายุ เขาบอกว่าเราควรเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับคนรุ่นหลัง ทำให้คนเสียดายเมื่อสิ้นลม
“คนเลวๆ เขาบอกตายซะได้ก็ดี คนดีๆ เขาบอกเสียดายจังเลย ผมอยากเป็นอย่างหลัง อย่างน้อยๆ ถ้าไม่ทำดี ก็อย่าทำเลวเลย เสมอตัวก็ยังดี”