ไม่พบผลการค้นหา
ที่ประชุมสภาฯ มีมติรับหลักการร่างกฎหมายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ด้วยคะแนนเสียง 322 ต่อ 158  พร้อมตั้ง กมธ.วิสามัญพิจารณาร่างกฎหมายฯ จำนวน 73 คน กำหนดเวลาแปรญัตติ 30 วัน ประชุมนัดแรก 9 มิ.ย.68

วันนี้ (31 พฤษภาคม 2568) การประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญ (พิเศษ) นายพิเชษฐ์  เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยมีวาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ที่ คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ 

โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ฝ่ายค้านได้อภิปรายพร้อมตั้งข้อสังเกตถึงการจัดทำงบประมาณ โดยปิดท้ายด้วยการอภิปรายของนางสาวศิริกัญญา  ตันสกุล ที่ตั้งข้อสังเกตถึงการตั้งงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ 157,000 ล้านบาท ที่พบว่ามีการเสนอโครงการที่ไม่สอดคล้องกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ อาทิ

- โครงการสร้างศูนย์บำบัดยาเสพติด 5,484 ล้านบาท

- โครงการ 1 อำเภอ 1 Soft Power 220 ล้านบาท 

- งบประมาณจังหวัด โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีการตั้งงบจัดซื้อ ตู้น้ำดื่มสะอาด ถึง 2,737 ล้านบาท 

- โครงการที่มีการนำเรื่องปัญญาประดิษฐ์ (AI) 

-  กองทุนบ้าน S M L ที่เตรียมจัดซื้อตู้กดน้ำดื่ม และมีการออกสเปครองรับ TOR มาแล้วทั้งที่งบปี 2569 ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาฯ 

ที่สำคัญการตั้งงบลงทุนในปี 2569 วงเงิน 570,000 ล้านบาท เป็นการ

- สร้างถนนถึง 178,676 ล้านบาท 

- การจัดการน้ำ 80,487 ล้านบาท 

- อาคารราชการ 30,696 ล้านบาท 

- โรงเรียน 11,665 ล้านบาท

- โรงพยาบาล 10,161 ล้านบาท 

พร้อมตั้งข้อสังเกตถึงการสร้างตึกของหน่วยงานรัฐ ศิริกัญญา ระบุ ส่อล็อกสเปคและเอื้อประโยชน์ให้กับผู้รับเหมา พร้อมทั้งเสนอแนะให้มีการปรับปรุงแก้ไขในชั้นการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ช่วยกลั่นกรองให้เหมาะสมและตอบโจทย์การแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนด้วย

ขณะที่ สส.ฝ่ายรัฐบาล อาทิ นายสัญญา  นิลสุพรรณ นายอัครเดช  วงษ์พิทักษ์โรจน์ พรรครวมไทยสร้างชาติ นางสาวสุดารัตน์  พิทักษ์พรพัลลภ นางสาวขัตติยา  สวัสดิผล สส.พรรคเพื่อไทย อภิปรายสนับสนุนการจัดสรรงบประมาณเพื่อรับมือกับสถานการณ์เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเพิ่มขีดความสามารถ SMEs ข้อเสนอการจัดสรรงบประมาณแบบใหม่ที่ยืดหยุ่นแบบกระจายต่อปัญหา มีภารกิจนำ และลดการรวมศูนย์ให้ใกล้ชิดประชาชน ขณะที่ นายไชยชนก  ชิดชอบ สส.จังหวัดบุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ได้เสนอให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณรองรับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจและการเมืองโลกที่เปราะบาง 

ปิดท้ายด้วยนายสุทิน  คลังแสง สส. พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นอภิปรายสนับสนุนการตั้งงบประมาณของรัฐบาลที่ต้องยืดหยุ่นให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะงบประมาณด้านความมั่งคงและกองทัพ

ด้านคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้สลับกันชี้แจง อาทิ

- นางสาวสุดาวรรณ  หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม

- นางสาวจิราพร  สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

- นายเอกนัฏ  พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

- นายประเสริฐ  จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

- รศ.ชูศักดิ์  ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

- นายพีระพันธุ์  สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน 

ปิดท้ายที่นายพิชัย  ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยืนยันว่า รัฐบาลตั้งงบประมาณปี 2569 ยึดตามกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 แม้ว่าเป็นการตั้งงบประมาณแบบขาดดุล และเป็นรายจ่ายประจำถึง ร้อยละ 70 แต่มั่นใจว่าจะไม่ทำให้หนี้สาธารณะของประเทศเพิ่มขึ้นจนเป็นภาระทางการคลัง และจะมีการคืนหนี้สาธารณะด้วย ซึ่งจะทำให้หนี้สาธารณะทยอยลดลงเหลือไม่เกินร้อยละ 3.5 และจะมุ่งขับเคลื่อนนโยบายหลักของรัฐบาลให้เกิดผลเป็นรูปธรรม

ภายหลังการอภิปรายอย่างครบถ้วนที่ประชุมได้ลงมติในวาระ 1  โดยเสียงส่วนใหญ่เห็นชอบให้รับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ด้วยคะแนนเสียง เห็นด้วย 322 เสียง ไม่เห็นด้วย 158 เสียง ไม่ลงคะแนน 2 เสียง และงดออกเสียง ไม่มี พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 จำนวน 73 คน พร้อมกำหนดเวลาแปรญัตติ 30 วัน เริ่มประชุมนัดแรกวันที่ 9 มิ.ย.68

งบ69 วาระ1

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี แพทองธาร  ชินวัตร ได้กล่าวในนามของรัฐบาล ขอบคุณรัฐสภา และ สส. ทุกคนที่ได้ร่วมกันพิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณปี 2569 ซึ่งการจัดทำงบประมาณปีนี้ดำเนินการภายใต้ข้อจำกัดของวงเงินงบประมาณ 

- มาตรการกีดกัดทางการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลัก

- ความขัดแย้งทางภูมิศาสตร์

- การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 

- สภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีปัจจัยรอบด้านที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศ 

ทั้งนี้ รัฐบาลมั่นใจว่าสามารถขับเคลื่อนประเทศให้เกิดหน้าต่อไปได้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า งบประมาณที่เสนอไปจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนได้ ผ่านการใช้จ่ายงบประมาณซึ่งเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามที่ได้แถลงนโยบายไว้กับรัฐสภา และคำนึงถึงการจัดลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายงบเพื่อรองรับปัญหาเร่งด่วน เสริมสร้างทุนมนุษย์ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และยุทธศาสตร์ชาติอย่างต่อเนื่อง 

ทั้งนี้ การจัดงบประมาณครั้งนี้มุ่งฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ลดความเหลื่อมล้ำทุกมิติ สร้างโอกาสให้กับประชาชนทุกกลุ่มในการเข้าถึงทรัพยากรทั่วถึงและเป็นธรรม โดยรักษาวินัยการเงินการคลังของประเทศตามกรอบของกฎหมายวินัยการเงินการคลังที่กำหนดไว้ ขอนำข้อสังเกต และข้อเสนอแนะจากที่ประชุมสภาฯ ฝากคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างกฎหมายฯ ฉบับนี้ ที่จะตั้งขึ้นนี้นำไปประกอบการพิจารณาต่อไป

นายกรัฐมนตรีกล่าว ท่ามกลางสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลกระทบทุกประเทศ ถือเป็นโจทย์ที่ท้าทายความสามารถของรัฐบาลชุดนี้ ตนมั่นใจว่ารัฐบาลจะทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้สำเร็จเป็นรูปธรรม ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส และจะใช้เม็ดเงินจากงบประมาณปี 2569 ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน 

ทราบดีว่าไม่ใช่เรื่องง่าย รัฐบาลทำหน้าที่บริหาร และฝ่ายค้านทำหน้าที่ตรวจสอบ ถ้าทั้งสองฝ่ายมุ่งทำงานเพื่อผลประโยชน์เพื่อประชาชนเป็นหลัก ตนมั่นใจอย่างยิ่งว่าจะสามารถนำพาประเทศผ่านวิกฤติไปได้ และเห็นผลสำเร็จร่วมกันได้อย่างแน่นอน