พรรคเพื่อไทย นำโดยแพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย วิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองผู้อำนวยการศูนย์ปฎิบัติการเลือกตั้ง ส.ส.พรรคเพื่อไทย ชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ร่วมแถลงยุทธศาสตร์การรณรงค์เลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย และการทบทวนยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย
แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า จากกรณีต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งในช่วงที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยยังยืนยันจุดเดิม และจะเดินหน้าหาเสียงนำเสนอนโยบายสู่พี่น้องประชาชนต่อไป ในขณะเดียวกันมีเสียงสะท้อนของประชาชนผ่านโซเชียลมีเดียของพรรคเพื่อไทย เกี่ยวกับการลงพื้นที่ของผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค เช่น ไม่เจอตัวผู้สมัคร ส.ส. ระบบเขต และป้ายหาเสียงของพรรคเพื่อไทยจำนวนน้อยเกินไปนั้น พรรคเพื่อไทยและตนเองไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบเก็บข้อมูลพบว่า
1.กรณีการลงพื้นที่ของผู้สมัคร ส.ส. ระบบเขต ได้ลงพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ โดยได้สื่อสารนโยบายต่างๆ ไปยังพี่น้องประชาชน เช่น การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำวันละ 600 บาท เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท ภายใน 4 ปี ซึ่งเกิดจากการลงพื้นที่สื่อสารนโยบายของผู้สมัคร ส.ส.เขต จนสร้างการรับรู้ให้กับพี่น้องประชาชนได้รับรู้ เข้าใจ แลกเปลี่ยนนโยบายร่วมกัน อาจมีเป็นส่วนน้อยที่ลงพื้นที่ไม่มากพอ ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้สื่อสารกับผู้สมัคร ส.ส.เขตอย่างต่อเนื่อง เมื่อได้ข้อท้วงติงจากประชาชน เชื่อว่าผู้สมัคร ส.ส.ระบบเขตทุกคนกระตือรือร้นลงพื้นที่ เพราะแม้ผลโพลความนิยมของพรรคดี แต่จะไม่เกี่ยวข้องกับคะแนนของผู้สมัคร ส.ส.ระบบเขต ดังนั้นผู้สมัคร ส.ส.ระบบเขตต้องทำงาน ซื้อใจประชาชนด้วยใจเท่านั้น เพราะประชาชนต้องการความจริงใจ ความสามารถ และนโยบายของพรรค หากผู้สมัคร ส.ส.ต้องการเข้าสภาผู้แทนราษฎรเพื่อแก้ปัญหาประชาชน ต้องลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชน ซึ่งจะทำให้พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งแลนด์สไลด์ เพื่อไปสู่เป้าหมายของพรรคเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาล
2.ส่วนเรื่องการติดตั้งป้ายหาเสียง ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยยึดตามระเบียบของ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นหลัก ยอมรับว่าพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองใหญ่ และถูกเพ่งเล็งอยู่เสมอ การวางป้ายหาเสียงจึงวาง ในจุดที่ประชาชนสามารถมองเห็นมากที่สุด และจากนี้จะมีป้ายหาเสียงชุดใหม่ ที่จะมีการอธิบายหลักการกระเป๋าเงินดิจิทัล และค่าแรงขั้นต่ำ เพิ่มอีก เพื่ออธิบายรายละเอียด วิธีการ ฯลฯ ซึ่งเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ได้อธิบายเพิ่มเติมในหลายเวที และสามารถศึกษาได้เพิ่มเติมที่เพจพรรคเพื่อไทย
แพทองธาร กล่าวอีกว่า อยากให้พี่น้องประชาชนที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยอย่าได้กังวลใจ ทุกเสียงสะท้อนสำคัญกับเราเสมอ ขอให้พี่น้องประชาชนหนักแน่นในพรรคเพื่อไทย หนักแน่นในผู้สมัคร ส.ส.ระบบเขต ของพรรคเพื่อไทย การเลือกตั้งครั้งนี้ต้องเลือกตั้งอย่างมียุทธศาสตร์ ต้องเลือกทั้งพรรคทั้งผู้สมัคร ส.ส.เขต เพื่อทำให้ชีวิตพี่น้องประชาชนที่ไม่เปลี่ยนแปลงมาเกือบ 9 ปี หากต้องการเปลี่ยนแปลง พรรคเพื่อไทยเท่านั้นที่ตอบโจทย์ประชาชน เพื่อไทยให้แลนด์สไลด์มีความสำคัญกับประชาชนมาก เราจะทำอย่างเต็มที่ เพื่อชนะใจพี่น้องประชาชนให้พรรคเพื่อไทย กลับมาเปลี่ยนแปลงชีวิตพี่น้องประชาชนอีกครั้ง
“หากพี่น้องประชาชนมีคอมเมนต์ใดๆ สามารถส่งมาที่เพจของพรรคได้ เราพร้อมปรับเปลี่ยน เพื่อตอบสนองประชาชนทุกคน ทุกรุ่น ทุกวัย แม้จะยังเป็นกลุ่มที่ยังเลือกตั้งไม่ได้ เราพร้อมปรับ เพราะคนรุ่นนี้คืออนาคตของเรา ขอประชาชนอย่าแผ่ว เลือกพรรคเพื่อไทย ทั้งคน ทั้งพรรค เพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตประชาชน อย่างแท้จริง เพื่อความกินดี อยู่ดี มีประชาธิปไตย ขอให้พี่น้องออกมาใช้สิทธิ ใช้เสียง ในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ เลือกพรรคเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์” แพทองธาร กล่าว
แพทองธาร ยังได้ตอบคำถามถึงกรณีคะแนนนิยม(โพล) ของพรรคเพื่อไทยที่ลดลง เป็นเพราะความไม่ชัดเจนเรื่องการจับมือกับฝ่ายตรงข้ามหรือไม่ ว่า เศรษฐา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย เคยกล่าวในหลายวาระว่ารังเกียจการรัฐประหาร ตนเองอยากให้ทุกคนดูหน้าดิฉันไว้ คงไม่ได้ชอบการรัฐประหาร การรัฐประหารครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้น 2 ครั้ง ดิฉันไม่ได้ชอบ ดังนั้น การที่ไม่ตอบออกมาตรงๆ หลายครั้งในกรณีนี้ เพราะ ‘เราให้เกียรติประชาชน’ เพราะการเลือกตั้งยังไม่เกิดขึ้น แต่หากถามว่า คนที่ไม่ได้อยู่ฝ่ายประชาธิปไตยร่วมทำรัฐประหาร เราจะอยากจับมือด้วยหรือไม่ เป็นคำตอบที่ประชาชนน่าจะทราบดีอยู่แล้ว และแน่นอนว่า ผลกระทบที่ได้รับต้องแยกกัน ดังนั้นการตอบกรณีนี้แบบมีอารมณ์เกินไป คงไม่ใช่แนวทางที่สามารถสื่อสารได้ แต่หากถามว่าอยากจับมือกับคนที่ทำรัฐประหาร 2 ครั้ง ตนเองคิดว่าน่าจะมีความชัดเจนอยู่แล้ว
ภูมิธรรม กล่าวอีกว่า แคนดิเดตพรรคเพื่อไทยทั้ง 3 คน พร้อมเข้ามาบริหารประเทศ นแพทองธาร มีกลุ่มคนชนบท และประชาชนรุ่นใหม่ที่ต้องการเทคโนโลยีสนับสนุน เศรษฐา รู้เรื่องเศรษฐกิจ ชัยเกษม ได้รับการยอมรับในกลุ่มราชการและวงการยุติธรรม สะท้อนความต้องการในหลากหลายกลุ่ม แก้ปัญหาได้หลากหลายด้าน สอดรับกับปัญหาในปัจจุบันที่มีอย่างหลากหลาย และทั้ง 3 แคตดิเดตพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมทำงานร่วมกันอย่างเป็นเอกภาพ ส่วนสุดท้ายแล้วใครจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีขึ้นกับสถานการณ์ขณะนั้น เราจะทำงานเป็นทีมสนับสนุนไปด้วยกัน สิ่งสำคัญคือเราเชื่อมั่นว่าประชาชนคือผู้นำการเปลี่ยนแปลง เราเชื่อว่าประชาชนอยากเปลี่ยนแปลง ดังนั้น ประชาชนจะเป็นคนตัดสินใจว่าอยากเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
“พรรคเพื่อไทยวันนี้พร้อมที่สุด และพร้อมอาสาตัวนำประชาชนไปสู่การเปลี่ยนแปลง ออกจากระบอบประยุทธ์ที่ประชาชนทุกข์ยากมา 8 ปี คือคำตอบ ประชาชนจะตัดสินใจในวันสุดท้าย หน้าที่เราคือทำให้เห็นว่าเป็นพรรคเดียวที่มีศักยภาพและพร้อมเป็นเครื่องมือไปสูการเปลี่ยนแปลง ให้พี่น้องประชาชน ในจำนวนพรรคการเมืองขณะนี้ ไม่เห็นพรรคการเมืองใดที่จะชนะและเป็นอันดับ 1 ที่จะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลได้ การเลือกตั้งครั้งนี้ต้องการชัยชนะเด็ดขาดจึงจะเปลี่ยนแปลงระบบประยุทธ์ออกไปได้” ภูมิธรรมกล่าว
ภูมิธรรมยังได้ตอบคำถาม กรณีนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล ว่า พรรคเพื่อไทยต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการใช้กระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาทสำหรับคนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไปให้จับจ่ายในพื้นที่ตามที่อยู่บัตรประชาชนรัศมี 4 กิโลเมตร ภายใน 6 เดือน เป็นนโยบายที่ทุ่มครั้งเดียวแล้วให้เศรษฐกิจบูมขึ้นทั่วประเทศ ไม่กระจุกอยู่ที่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง จะทำให้ GDP โตตามเป้าหมายที่ 5% สร้างงานและรายได้ให้พี่น้องประชาชนอีกมหาศาล รวมถึงให้พี่น้องประชาชนได้เรียนรู้การใช้งานบล็อกเชนที่จะเป็นเครื่องมือทางเศรษฐกิจสำคัญในอนาคต พรรคเพื่อไทยยืนยันว่า ส่วนผู้ที่เคยได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน จะยังคงได้รับต่อไป
สำหรับความนิยมพรรคเพื่อไทยซึ่งหลังจากดูโพลจากทุกสำนักแล้ว เรามีผู้สมัครทั้งหมด 400 เขต เจ้าหน้าที่ของพรรค รวมถึงผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่ออีก 100 คน เราแบ่งกันทำงาน และมอนิเตอร์ เราได้ติดตามทั้งจากโพลสาธารณะ โพลพรรค และการลงพื้นที่ สิ่งที่เราเห็นคือความนิยมพรรคเพื่อไทยในระดับชุมชนอยู่ที่ 40-50% ส่วนพรรคอื่นที่ได้รับคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น ตนดีใจที่เป็นพรรคฝ่ายประชาธิปไตยเหมือนกัน แต่พรรคเพื่อไทยยังเป็นหลักในการเพิ่มขึ้นของคะแนนนิยม และเป็นการลดถอยของคะแนนพรรคขั้วรัฐบาลเดิม แต่สิ่งที่เห็นและเป็นอยู่ เป็นการพัฒนาคะแนนอยู่ในหัวเมืองใหญ่ และในพื้นที่กรุงเทพฯ แต่คะแนนนิยมที่เพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ ยังคงเป็นของพรรคเพื่อไทยอยู่ และคะแนนที่ได้เพิ่มขึ้นโดยรวมเป็นคะแนนที่ลดถอยลงของพรรครัฐบาลเดิม แสดงว่าความนิยมของประชาชนต่อรัฐบาลนั้นหมดลงแล้ว
ดังนั้น จึงไม่กังวลใจใดๆ เพราะพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยกำลังเติบโตไปด้วยกัน และเราดูในพื้นที่ต่างๆ หากเป็นพื้นที่ในกรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทยมีความมั่นใจ และการลงคะแนนของประชาชนในวันเลือกตั้ง จะเป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุดของผลโพลทั้งหลาย และจะยืนยันความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชนว่า พรรคเพื่อไทย จะเป็นเครื่องมือ และเป็นเงื่อนไขสำคัญสู่การเปลี่ยนแปลง เชื่อว่าในวันสุดท้ายวันลงบัตรจะตอบคำถามของผลโพลทั้งหลาย พรรคเพื่อไทยจะเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงไปสู่พี่น้องประชาชน
ส่วนกรณีชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ตอนนี้สุขภาพกลับมาดีแล้ว ส่วนเลือดคั่งในสมองนั้นเป็นเลือดเก่า ไม่ได้ไปทับเส้นประสาทสำคัญใดๆ ตอนนี้กลับมาพักผ่อนที่บ้านแล้ว เราให้ท่านพักผ่อนเต็มที่ ไม่อยากให้ท่านใช้ร่างกายเกินความจำเป็น แต่เชื่อว่าวันที่ 12 พฤษภาคม ที่เป็นการปราศรัยใหญ่ปิดท้าย จะได้เห็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยทั้ง 3 ท่านขึ้นเวทีพร้อมกันอีกครั้ง