ไม่พบผลการค้นหา
เมื่อเบอร์หนึ่งวงการร้านสะดวกซื้อสหรัฐฯ เข้าซื้อกิจการของเบอร์สามประเทศ ภาครัฐอยู่นิ่งไม่ไหว จ่อดำเนินการยุติการควบรวมนี้โดยทันที

ทันทีที่ ‘มาราธอน ปิโตรเลียม คอร์ปอเรชัน’ ผู้ประกอบการธุรกิจพลังงานสัญชาติอเมริกัน แถลงปิดการขายกิจการค้าปลีกในปั๊มน้ำมันอย่าง Speedway ให้กับ ‘เซเว่น แอนด์ ไอ’ บริษัทแม่ของเซเว่น-อีเลฟเว่น ด้วยมูลค่าสูงถึง 21,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 658,000 ล้านบาท 

คณะกรรมการการค้าแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ Federal Trade Commission (FTC) ออกประกาศแย้งทันที ‘รีเบคกา เคลลี สลอเทอร์’ รักษาการประธานเอฟทีซี และ ‘โรฮิต โชปรา’ กรรมาธิการเอฟทีซี ระบุว่า “เรามีเหตุให้เชื่อได้ว่าธุรกรรมดังกล่าวผิดกฎหมาย” 

เอฟทีซีอ้างอิงกฎหมายแข่งขันทางการค้า (Antitrust Laws) โดยชี้ว่า การควบรวมกิจการครั้งนี้ จะทำให้บริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของโลกอย่าง ‘เซเว่น แอนด์ ไอ’ ครอบครองร้านค้าปลีกสะดวกซื้อที่ตั้งอยู่ตามปั๊มน้ำมันต่างๆ อีกประมาณ 3,900 ร้าน เพิ่มความได้เปรียบในตลาดค้าปลีกในปั๊มน้ำมันทั่วสหรัฐฯ  

“ในหลายตลาดท้องถิ่น ธุรกรรมครั้งนี้หากไม่เป็นการควบรวมเพื่อผูกขาด (merger-to-monopoly) ก็เป็นการลดคู่แข่งจาก 3 เหลือ 2 ราย”

เอฟทีซียังเสริมว่า คณะกรรมการฯ มีความพยายามสืบสวนกรณีดังกล่างและข้อตกลงร่วมกับทั้ง 2 บริษัท ทว่าขณะที่ยังไม่อาจตกลงกันได้ บริษัททั้งสองกลับเลือกปิดการเจรจากัน ซึ่ง “เป็นเรื่องไม่ปกติ และเรารู้สึกกังวลใจอย่างมาก”

เอฟทีซีปิดท้ายว่า “พวกเขาเลือกเสี่ยงจบธุรกรรมดังกล่าวกันเอาเอง คณะกรรมการฯ จะเดินหน้าตรวจสอบและหาหนทางที่เหมาะสมกับการปกป้องการแข่งขันทางการค้าเอาไว้” และจะมีการเดินหน้าทำงานร่วมกับฝั่งอัยการของรัฐต่อไป 


เบอร์ 1 ซื้อเบอร์ 3 

ตามข้อมูลจากคณะกรรมการค้าปลีกแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ National Retail Federation (NRF) เมื่อจัดอันดับจากมูลค่ายอดขายในปี 2562 พบว่า ‘เซเว่น-อีเลฟเว่น’ รั้งอันดับที่ 25 โลก ด้วยยอดขายราว 115,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 3.6 ล้านล้านบาท ขณะ Walmart ครองอันดับหนึ่งด้วยยอดขายกว่า 523,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 16.3 ล้านล้านบาท 

ทว่าเมื่อมาดูแค่ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ตามข้อมูลของ CSP ในปี 2562 พบว่า ‘เซเว่น แอนด์ ไอ’ รั้งอันดับที่ 1 เป็นเจ้าตลาดร้านสะดวกซื้อในสหรัฐฯ ด้วยตัวเลขร้านค้ากว่า 9,300 ร้าน ขณะที่ Speedway ที่เคยเป็นของมาราธอนฯ นั้น รั้งอันดับที่ 3 ด้วยจำนวนร้านค้าราว 3,900 ร้าน 

ตามข้อมูลจาก statista ในปี 2562 สหรัฐฯ มีตัวเลขร้านสะดวกซื้อประมาณ 153,000 ร้าน นั่นหมายความว่า สัดส่วนร้านสะดวกซื้อของเซเว่นฯ คิดเป็นประมาณ 6% ของตลาด แต่เมื่อพิจาณาจำนวนร้านค้าหลังควบรวมกับ Speedway สัดส่วนจะพุ่งขึ้นมาเป็น 8% โดยทันที (เมื่อคำนวณจากฐานเดียวกัน) 

อีกทั้งความห่างของจำนวนร้านสะดวกซื้อของเซเว่นเมื่อซื้อ Speedway แล้ว ยังทิ้งห่างอันดับที่ 2 อย่าง Alimentation Couche-Tard Inc. เพิ่มขึ้นไปอีก ก่อนหน้าที่จะมีการควบรวม จำนวนร้านสะดวกซื้อของเซเว่นมากกว่าอันดับที่สอง ราว 3,400 ร้าน แต่เมื่อควบรวมแล้ว ช่องว่างจะขยับเป็น 7,300 ร้าน 

แม้ในช่วงแรกที่ ‘เซเว่น แอนด์ ไอ’ ประกาศแผนการเข้าซื้อมูลค่ามหาศาลเช่นนั้น หลายฝ่ายตั้งคำถามว่าตัวเลข 658,000 ล้านบาท แพงเกินไปหรือไม่ แต่บริษัทวิจัยหลายแห่ง อาทิ LightStream Research ชี้ว่า ตัวเลขเช่นนั้น ไม่ถือว่าแพงอย่างไม่มีเหตุผล เพราะตัวเลขร้านค้าเกือบ 4,000 แห่ง จะช่วยให้บริษัทค้าปลีกสัญชาติญี่ปุ่นสามารถขึ้นมาอิทธิพลเหนือตลาดร้านสะดวกซื้อในสหรัฐฯ ได้ 

อ้างอิง; FTC, Marathon Petroleum Corp., Seven & i Holdings Co., Ltd., Bloomberg, Nikkei Asian Review, WSJ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง;