สำนักข่าวไทย รายงานว่า ยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า ขณะนี้กรมธนารักษ์ยังเดินหน้าช่วยเหลือลดภาระค่าเช่าที่ราชพัสดุเชิงพาณิชย์สำหรับภาคเอกชนด้วยการปรับลดค่าเช่า เนื่องจากยังได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 เตรียมเร่งสรุปการปรับลดอัตราค่าเช่าที่ราชพัสดุให้กับภาคเอกชนรายใหญ่กว่า 10 รายให้เสร็จภายในสิ้นเดือนก.ย.นี้ ยอมรับว่าภาคเอกชนแต่ละราย แต่ละประเภท ได้รับการปรับลดไม่เท่ากัน เนื่องจากการดำเนินธุรกิจได้รับผลกระทบต่างกัน จึงไม่ได้ลด 50% เท่ากันทุกราย

“กรมธนารักษ์ พิจารณาแนวทางการลดภาระควบคู่กับงบดุลของบริษัทส่งมาให้พิจารณาช่วยเหลือ เพื่อกำหนดอัตราค่าเช่าที่เหมาะสมที่สุด ขณะนี้ต้องเลื่อนการจัดเก็บค่าเช่า ซึ่งต้องจ่ายภายในปีนี้ขยายออก ไปเป็นปีหน้า และยังเปิดโอกาสให้ผ่อนชำระได้ด้วย โดยได้รับการยกเว้นค่าปรับ 1.5 เท่า เพิ่มเติม” ยุทธนา กล่าว 

สำหรับภาคเอกชนรายย่อยเช่าอาคารที่ดินในที่ราชพัสดุ อาจได้ยกเว้นการจัดเก็บค่าเช่าทั้งหมด โดยเฉพาะเอกชนภาคการท่องเที่ยว เพราะไม่มีรายได้ในช่วงนี้กว่า 100 ราย

ส่วนมาตรการบรรเทาผลกระทบจากโควิด-19 ครั้งนี้ อาจกระทบการจัดเก็บรายได้ปีงบประมาณ 2564 สูญเสียกว่า 3,000 ล้านบาท เพื่อช่วยผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกร มากกว่า 100,000 ครัวเรือน หรือ 400,000-500,000 ราย กรมธนารักษ์ ยังคาดการณ์เป้าหมายจัดเก็บรายได้กว่า 10,000 ล้านบาท เพราะรายได้ในช่วง 11 เดือนของปีงบประมาณ 2563 ยอดรวม 10,300 ล้านบาท ทั้งปีคาดว่ารายได้กว่า 10,500 ล้านบาท

ยุทธนา กล่าวว่า กรมธนารักษ์ยังเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีเดือนต.ค.พิจารณาปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์ทางภาษีของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เพื่อช่วยเหลือผู้เช่าในเขตเศรษฐกิจพิเศษมุกดาหาร หนองคาย และตาก เพราะขณะนี้ยังไม่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน เพื่อขยายเวลาเช่าจาก 30 ปี เป็น 50 ปี ยกเว้นค่าเช่าในช่วง 2 ปีแรก ชำระเพียงค่าธรรมเนียม หวังจูงใจเอกชนให้มาลงทุนเพิ่มขึ้น เพราะสามารถวางแผนลงทุนระยะยาว