ไม่พบผลการค้นหา
ชาวนอร์เวย์ไม่ต้องจ่าย VAT 25% เมื่อซื้อรถยนต์ไฟฟ้า มาตรการอันชาญฉลาดจากรัฐบาลที่ต้องการผลักดันการซื้อรถใหม่แบบ EV ให้ได้ 100%

ท่ามกลางสถานการณ์ที่ทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญกับการลดใช้รถยนต์พลังงานเชื้อเพลิง โดยตั้งเป้าเปลี่ยนไปใช้รถยนต์คันใหม่ที่เป็นพลังงานไฟฟ้าให้ได้ 100% ภายในปี 2030 และ 2035 นอร์เวย์คือประเทศที่ตั้งเป้าว่าจะสามารถทำได้เร็วกว่าหลายประเทศทั่วโลกคือในปี 2025 ขณะที่ความเป็นจริงอนาคตการใช้ EV แบบ 100% ในนอร์เวย์อาจเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คิด 

เว็บไซต์ ElecTrek ชี้ว่า นอร์เวย์อาจสามารถบรรลุเป้าหมายได้เร็วกว่าปี 2025 อย่างง่ายดาย เนื่องจากในเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา จำนวนการขายรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงภายในประเทศลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ตอกย้ำการเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสูงที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับอัตราส่วนต่อจำนวนประชากร 

ในเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา การซื้อรถยนต์ไฟฟ้าในนอร์เวย์คิดเป็น 73.8% ของยอดขายรถยนต์ทุกประเภทในประเทศทั้งหมด และเมื่อนับรวมรถยนต์ที่ใช้ 'แบตเตอร์รี' เข้าไปด้วยแล้ว พบว่ากินสัดส่วนสูงขึ้นไปถึง 94.9% ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า 9 ใน 10 ของรถยนต์คันใหม่ในนอร์เวย์เป็นรถยนต์ที่ใช้ 'แบตเตอร์รี'

เว็บไซต์ WIRED รายงานว่าแม้จะมีการผลักดันเรื่องการลดใช้พลังงานเชื้อเพลิง แต่ในสหราชอาณาจักรกลับมีการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าในเดือน ต.ค.เป็นสัดส่วน 15% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมดเท่านั้น ขณะที่สหรัฐฯ ประเทศที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สูงที่สุดในโลก จำนวนยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในเดือนเดียวกันคิดเป็นสัดส่วนเพียง 2.6% เท่านั้น 

'เทสลา' คือรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในนอร์เวย์ โดย Tesla Model Y สามารถทำยอดขายได้สูงที่สุดคือ 1,013 คันในเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่อันดับ 2 ก็ยังเป็นของเทสลา โดย Tesla Model 3 ทำยอดขายไปทั้งสิ้น 771 คัน ขณะที่อันดับที่ 3-5 ประกอบไปด้วย Volkswagen ID.4 (725 คัน) Audi Q4 e-tron (661 คัน) และ Nissan Leaf (655 คัน) คาดว่าในเดือน ธ.ค.นี้ จำนวนการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าจะพุ่งสูงขึ้นกว่าเดิม

รัฐบาลนอร์เวย์มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการเดินหน้าผลักดันให้ประชาชนหันมาใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าแทนรถยนต์แบบเติมน้ำมัน หนึ่งในมาตรการจูงใจที่ได้ผลดีที่สุดคือการที่ผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า "ไม่ต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม 25%" รวมถึงมาตรการการงดเว้นภาษีการสร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมที่ผู้ซื้อรถยนต์พลังงานเชื้อเพลิงต้องจ่ายให้กับภาครัฐ

ขณะเดียวกันเจ้าของรถยนต์ EV ก็จะได้ส่วนลดอื่นๆ ในการใช้รถในชีวิตประจำวันอีกด้วย เช่น ส่วนลดค่าที่จอดรถ ส่วนลดในการนำรถยนต์ไฟฟ้าข้ามฟากด้วยเรือเฟอร์รี ไปจนถึงการลดภาษีให้กับภาคธุรกิจและบริษัทต่างๆ ที่ซื้อรถยนต์คันใหม่เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า เป็นต้น