เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2565 พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล, ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล อำนาจ สถาวรฤทธิ์ ที่ปรึกษาพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ส.ส.ของพรรค ได้แก่ อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล, รังสิมันต์ โรม, เบญจา แสงจันทร์, ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ, สุเทพ อู่อ้น, ธีรัจชัย พันธุมาศ, ประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์, ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ และสมเกียรติ ถนอนสินธุ์ ร่วมรณรงค์หาเสียงในการเลือกตั้งซ่อมเขต 6 จ.สงขลา ให้กับ ธิวัชร์ ดำแก้ว ผู้สมัครจากพรรคก้าวไกล เบอร์ 2 ซึ่งการเลือกตั้งจะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 16 มกราคม นี้่ โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ประชาชนให้การตอบรับเป็นอย่างดี สำหรับกลยุทธ์ของการหาเสียงของพรรคก้าวไกลในช่วงโค้งสุดท้าย ใช้การปูพรมเต็มพื้นที่ แบ่งการหาเสียงเป็น 4 สาย โดยแต่ละสายจะมี ส.ส.ของพรรคก้าวไกลร่วมด้วย
พิธา กล่าวว่า นี่ก็ถือเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งแล้ว ส.ส.พรรคก้าวไกลได้มาช่วยกันหาเสียงจำนวนมาก โดยในโค้งสุดท้ายนี้จะไม่มีการปราศรัยใหญ่ แต่จะใช้กลยุทธ์ดาวกระจาย แบ่งการเดินหาเสียงออกเป็น 4 สายทั่วทั้งเขต 6 จ.สงขลา หวังให้พี่น้องประชาชนตื่นตัวกับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้
นอกจากนี้ ตนยังได้พูดคุยกับประชาชนตามบ้านเรือนต่างๆ หลายแห่ง ได้ข้อมูลว่าหลายคนรู้ว่ามีเลือกตั้งซ่อมเพราะเห็นป้ายหาเสียง แต่ไม่รู้ว่ามีการเลือกตั้งวันไหน ตนจึงอธิบายกับพี่น้องประชาชนต่อไปว่า การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 16 มกราคม ที่จะถึงนี้ และเมื่อถามถึงเอกสารคู่มือการเลือกตั้งจาก กกต. ที่จะส่งมาบอกว่าคูหาเลือกตั้งอยู่ที่ไหน หากนับว่าสอบถามไป 10 คน จะมีเพียง 2 คนเท่านั้นที่ได้รับเอกสารจาก กกต. ซึ่งเหลือเวลาอีก 2 วันเท่านั้นก็จะถึงวันเลือกตั้ง ทำไมประชาชนยังไม่รับเอกสารคู่มือการเลือกตั้ง อย่างนี้จะทำให้การเลือกตั้งไม่สมบูรณ์แบบ และจะทำให้ระบอบประชาธิปไตยเสียหายได้หาก กกต. ไม่ประชาสัมพันธ์การเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งจากประสบการณ์ไม่ว่าจะเป็นเลือกตั้งใหญ่หรือเลือกตั้งซ่อม ที่ผ่านมาก็จะมีรถ กกต. วิ่งคอยประชาสัมพันธ์ ว่าจะมีการเลือกตั้งเมื่อไร ที่ไหน เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนได้รับทราบ แต่ครั้งนี้ผมยังไม่เห็นรถประชาสัมพันธ์ของ กกต.แม้แต่คันเดียว
"สำหรับการเลือกตั้งซ่อมในสนามนี้ หากถามว่าตอนนี้มีความกังวลใดๆ หรือไม่ ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับการหาเสียง ผมไม่มีความกังวลใจใดๆ เพราะมีความมั่นใจว่าคุณธิวัชร์ ผู้สมัครของพรรคก้าวไกล คือคนที่เหมาะสมที่สุดที่จะเข้าไปเป็นผู้แทนให้กับประชาชนเขต 6 จังหวัดสงขลา พวกเราตั้งใจทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนอย่างจริงใจ หากจะกังวลก็มีเพียงอย่างเดียวคือเรื่องของพี่น้องประชาชนยังไม่ค่อยรับทราบถึงวันเลือกตั้งซ่อม ยังไม่ได้รับเอกสารคู่มือการเลือกตั้ง ซึ่งจะยิ่งทำให้ทราบว่าตนเองต้องไปเลือกตั้งที่ไหน ผมอยากจะฝากไปถึง กกต. ว่าทุกๆ พรรคการเมืองพยายามหาเสียงกันอย่างเต็มที่ แต่จะมีประโยชน์อะไรถ้าประชาชนไม่รู้ว่าการเลือกตั้งซ่อมจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์นี้แล้ว" พิธา กล่าว
ด้าน ชัยธวัช กล่าวว่า จากกรณีที่คุณธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ขึ้นปราศรัยช่วยผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐหาเสียงในตอนหนึ่งว่า "ในนามพรรคพลังประชารัฐและเขาตั้งใจในฐานะของคนรุ่นใหม่ ไฟแรงและมีตังค์ พี่น้อง เราเลือก ส.ส. เราเลือกตัวแทนของพวกเรา เราต้องเลือกคนที่มีความพร้อม ถูกต้องไหมพี่น้อง หนึ่ง.ชาติตระกูลต้องดี นั่นคือ ศรีตรัง ใช่รึเปล่าก็ไม่รู้ สอง ต้องมีตังค์ ไม่มีตังค์หรอ เวลาไปช่วยชาวบ้าน สวัสดีครับพี่น้องครับ โบ๊ตไม่มีตังค์ครับ (พร้อมกับทำท่ายกมือไหว้ แล้วล้วงมือขวาเข้าไปในกระเป๋ากางเกง) พี่น้องเอาไหม เอาไหม (เสียงผู้ฟังปราศรัยหาเสียง ตอบว่า ไม่เอา) แต่ สวัสดีครับพี่น้อง (พร้อมกับทำท่ายกมือไหว้ แล้วล้วงมือขวาเข้าไปในกระเป๋ากางเกง) อ๋อพี่น้องเดือดร้อนหรอครับ เดี๋ยวโบ๊ตเอานี้ไปใช้ก่อน (พร้อมกับใช้มือขวาที่ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงทำท่ายื่นของให้) อย่างนี้ชอบไหม เอาไหม (เสียงผู้ฟังปราศรัยหาเสียง ตอบว่า เอา)" ประโยคแบบนี้ไม่ใช่การเปรียบเปรย แต่เป็นการพูดปราศรัยต่อประชาชนในพื้นที่ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งอย่างตรงไปตรงมาชัดเจน เข้าข่ายผิดพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง 2561 มาตรา 73 (1) เรื่องการจูงใจ สัญญาว่าจะให้ ผิดกฎหมายเลือกตั้งอย่างชัดเจน กกต. จังหวัดสงขลาจำเป็นต้องเร่งตรวจสอบกรณีดังกล่าวโดยเร็วที่สุด
"ทั้งนี้ ที่ผ่านมาตนได้มีโอกาสไปพูดคุยกับพี่น้องประชาชนในอำเภอสะเดา ซึ่งหลายคนได้เล่าให้ฟังว่า มีหัวคะแนนของผู้สมัครบางพรรคเริ่มแจกเงินแล้วในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งซ่อม จึงอยากให้พี่น้องชาวสงขลา เขต 6 อย่าให้ใครเขามาดูถูก อย่าให้เขามาซื้อสิทธิ์ซื้อเสียงเรา อย่าให้เขามาซื้อศักดิ์ศรีของเรา อย่ายอมแลกอนาคตที่ดีของเรากับเงินเพียงไม่กี่ร้อยบาท หากท่านเชื่อว่าสงขลาดีกว่านี้ได้ หากท่านไม่พอใจกับการทำงานของประยุทธ์ จันทร์โอชา และรัฐบาลชุดนี้ พรรคก้าวไกลคือคำตอบเดียว และการส่งคุณธิวัชร์ เข้าสภาจะเป็นประโยชน์ต่อคนสงขลามากที่สุด" ชัยธวัช กล่าว
อีกด้านหนึ่งในการเลือกตั้งซ่อม เขต 1 จ.ชุมพร วรพล อนันตศักดิ์ ผู้สมัครเบอร์ 3 จากพรรคก้าวไกล กล่าวว่า บรรยากาศช่วงโค้งสุดท้ายในการณรงค์หาเสียงในพื้นที่ตอนนี้ ถือว่าดุเดือดเป็นอย่างยิ่ง ตนได้ทราบจากผู้ที่สนับสนุนพรรคก้าวไกลซึ่งอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ว่า เริ่มมีการใช้การเมืองแบบเดิมๆ มีการใช้วิชามาร เริ่มมีความเคลื่อนไหวของบรรดาหัวคะแนนต่างๆ อย่างผิดปกติ ก็อยากให้ฝ่ายที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเลือกตั้ง รวมถึงประชาชนทุกคนช่วยกับจับตาตรวจสอบ สำหรับในส่วนของตนเองนั้น ยังคงเดินทางไปรณรงค์หาเสียงในพื้นที่ทุกวัน ใช้วิธีการเดินเคาะประตูบ้าน แนะนำตัว และบอกเล่าความตั้งใจในการเข้ามาทำงานการเมือง ซึ่งตอนนี้มั่นใจว่าไปครบทุกตำบลในพื้นที่เขตเลือกตั้งแล้ว ได้รับการต้อนรับจากพ่อแม่พี่น้องเป็นอย่างดี ส่วนใหญ่ต่างรับรู้ว่าพวกเราพรรคก้าวไกล สืบสานภารกิจและอุดมการณ์จากพรรคอนาคตใหม่ ต้องการเข้ามาเปลี่ยนโครงสร้างประเทศ เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชน ซึ่งผลงานของ ส.ส. พรรคก้าวไกล ในสภาที่ผ่านมาก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นอย่างไร ถือเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งที่ชาวชุมพรให้ความไว้วางใจ
"อย่างไรก็ตาม สำหรับตนเอง อีกหนึ่งจุดแข็งที่ใช้ในการหาเสียงก็มาจากอาชีพที่ทำอยู่ คือการเป็นไรเดอร์ส่งอาหาร ซึ่งก็จะมีเพื่อนๆ ไรเดอร์มาช่วยกันรณรงค์ด้วย ไปที่ไหนก็จะนำแผ่นพับโบรชัวร์ไปช่วยแจก ยังรวมถึงบรรดาเพื่อนๆ กลุ่มวัยรุ่นที่รู้จักกันในฐานะผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ นี่ก็เป็นอีกกลุ่มใหญ่ที่ช่วยประชาสัมพันธ์ให้ และจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม กรณีที่มีกระแสโจมตีดิสเครดิตเรื่องของการที่เรียนจบเพียงชั้น ม.ปลาย ตรงนี้ก็ต้องขอบอกว่า ไม่ต่างอะไรกับการที่กรรมการบริหารพรรคการเมืองหนึ่งปราศรัยแบบเหยียดและดูถูกคน เห็นคนไม่เท่ากัน ที่บอกว่าให้เลือกคนรวย ชาติตระกูลดี ซึ่งเรื่องการเรียนจบเพียง ม.ปลาย นี่ก็เช่นกัน คือต้องบอกว่าไม่ใช่คนที่เรียนจบสูงๆ แล้วจะเข้าใจปัญหาของพี่น้องประชาชน เพราะดูอย่างคุณวรรณวิภา ไม้สน ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ซึ่งก่อนนี้เป็นพนักงานในโรงงานสิ่งทอ ก็ไม่ได้เรียนจบปริญญาตรี แต่การทำหน้าที่ที่ผ่านมาก็ชัดแล้วว่า เข้าอกเข้าใจพี่น้องผู้ใช้แรงงาน แก้ปัญหาให้พี่น้องแรงานได้มากมายหลายเรื่อง ในส่วนของผมเองก็เช่นกัน ผมมั่นใจว่าตนเองเข้าใจปัญหาดีกว่าคนที่จบการศึกษาสูงๆ และมั่นใจว่าตนเองมีความพร้อม มีความมุ่งมั่น ที่จะเป็นปากเสียงให้คนหาเช้ากินค่ำ เป็นปากเสียงให้คนที่ไม่มีโอกาสได้เรียนต่อสูงๆ ที่พวกเขาดูเหยียดหยามเรา" วรพล กล่าว