โดย พล.อ.รังษี ย้ำว่าเป็นการ “ขอลาออก” ไม่ใช่ “โดนปลด” ด้วยเหตุผลส่วนตัว พร้อมทั้งไม่ขอชี้แจงใดๆเพิ่ม เพราะพูดไปก็จะไม่มีประโยชน์
โดย พล.อ.ณรงค์พันธ์ ได้ตั้ง “บิ๊กเหน่ง” พล.ท.วิสันติ สระศรีดา เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก เพื่อน ตท.22 ทำหน้าที่แทน ตั้งแต่ 7 เม.ย. เป็นต้นไป
ซึ่งทั้ง พล.อ.ณรงค์พันธ์ พล.อ.รังษี และ พล.ท.วิสันติ เป็นเพื่อนร่วมรุ่น ตท.22 ทั้งหมด โดย พล.อ.รังษี กับ พลท.วิสันติ จะเกษียณฯ ก.ย. 2565 ซึ่งเก้าอี้ "กรรมการผู้อำนวยการใหญ่' ช่อง 5 ที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะเป็นคนที่เป็นสายตรงของ ผบ.ทบ. หรือเป็นเพื่อนร่วมรุ่น ตท. มาดำรงตำแหน่ง
(พล.ท.วิสันติ สระศรีดา เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก เพื่อน ตท.22)
ย้อนกลับไปเมื่อ 21มี.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.รังษี ได้ไปพบกับ “ทูตรัสเซีย” เพื่อหารือความร่วมมือแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกับสำนักข่าวของรัสเซีย โดยให้เหตุผลว่าเพื่อนำเสนอข่าวทั้ง 2 ด้าน ควบคู่สื่อตะวันตกที่ ททบ.5 รับข่าวต่างประเทศจาก “รอยเตอร์” เพียงฝ่ายเดียวในขณะนี้ เพราะปัจจุบันที่มีการสร้าง “เฟกนิวส์” นำมาเป็น “สงครามข่าวปลอม” ขึ้นมา
ต่อมาเกิดกระแสวิจารณ์อย่างมาก เพราะสวนทางกับท่าทีและจุดยืนของ ทบ. กับรัฐบาล ที่มีท่าที “เป็นกลาง” ไม่ต้องการไปอยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง
ดังนั้นการที่ ททบ.5 ที่เป็นช่องของ ทบ. ไปแสดงจุดยื่นเช่นนี้ทำให้สะเทือนมาถึง บก.ทบ. กับ ทำเนียบฯ ทันที กลายเป็นเรื่องที่สื่อต่างประเทศให้ความสนใจ ทำให้สถานการณ์ระอุไปทั้ง ททบ.5 อีกด้วย
ต่อมาเมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา ทาง ททบ.5 ได้แจ้งกำหนดแถลงข่าวของ พล.อ.รังษี เกี่ยวกับการประสานข่าวสารกับสถานทูตจีน รัสเซีย ในวันที่ 24 มี.ค. ที่ ททบ.5 แต่ได้แจ้งยกเลิกในช่วงค่ำเมื่อ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อขอพูดคุยกับสำนักข่าวประเทศยูเครน ในการวางสมดุล “ความเป็นกลาง” ก่อน
ต่อมา “ไพศาล พืชมงคล” อดีตที่ปรึกษารองนายกฯ (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ปัจจุบันเป็น เลขาธิการสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน ได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า พล.อ.รังษี ได้เข้าพบ “อุปทูตยูเครน” โดยทั้งสองฝ่ายตกลงร่วมมือกันในเรื่องข้อมูลข่าวสาร
เช่นเดียวกับที่ ททบ. 5 ได้ทำความตกลงกับสำนักข่าวและประเทศอื่น ซึ่ง “ไพศาล พืชมงคล” ถูกมองว่ามีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้ เพราะเจ้าตัวปรากฏร่วมโต๊ะในการพูดคุยระหว่าง “ทูตรัสเซีย” กับ พล.อ.รังษี ด้วย
ทว่ากลับไม่ได้ทำให้สถานการณ์เบาลง จนสุดท้าย ททบ.5 ต้อง “ใช้ยาแรง” ออกคำสั่งภายใน ให้งดออกอากาศรายงานสถานการณ์ข่าวการสู้รบระหว่างรัสเซีย-ยูเครน
แต่จุดที่ทำให้เกิด “เรื่องบานปลาย” คือเมื่อวันที่ 28มี.ค.ที่ผ่านมา เมื่อเวลา 12.51น. ช่วงรายการข่าวที่ “ปอง-อัญชะลี ไพรีรัก” กำลังนำเสนอข่าวสถานการณ์ระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ได้ถูกตัดสัญญาณเข้าโฆษณาทันที ทำให้สะเทือนไปถึง “ทีมท็อปนิวส์”
เพราะเป็นช่วงเวลาข่าวที่ผลิตโดย บริษัท กาแลคซี่ มัลติมีเดีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ GMC ทำให้กระแสข่าว “ทีมท็อปนิวส์” จะถอนตัวจากการผลิตทุกรายการกับ ททบ.5 เกิดขึ้นทันทีในวันเดียวกัน ซึ่งก็เป็นไปตามกระแสข่าวทั้งหมด
เพราะภายหลังจาก พล.อ.รังษี ยื่นใบลาออก ทาง “ทีมท็อปนิวส์” ประกาศถอนตัวชนิดฟ้าผ่าภายในวันที่ 31 มี.ค.นี้ เพื่อไปรวมทัพที่สถานีโทรทัศน์ที่ตั้งอยู่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ซึ่งตามสัญญาจะร่วมผลิตรายการข่าวระหว่าง GMC กับ ททบ.5 เป็นเวลา 7 ชั่วโมงต่อวัน โดยเบื้องต้นมีอายุสัญญา 1 ปี และจะต่อสัญญาแบบปีต่อปี ซึ่งทาง ททบ.5 จะได้รับผลตอบแทนจาก GMC จำนวน 65 ล้านบาทต่อปี
ในสถานการณ์เช่นนี้ พล.อ.รังษี อยู่ในสถาวะกดดันไม่น้อย จากแรงบีบรอบทิศที่เข้ามา
สุดท้ายจึงเลือกวิธี “ขอลาออก” มากกว่าถูก “โดนปลด”
ทั้ง พล.อ.ณรงค์พันธ์ กับ พล.อ.รังษี เป็นเพื่อน ตท.22 ด้วยกัน ดังนั้นว่ากันว่าแนวทางนี้จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว
ทำให้สถานการณ์ต่างๆคลี่คลายลงไปบ้าง ทั้งนี้มีการมองว่าถูกกดันจากทำเนียบฯ หรือไม่ หลังฝ่ายค้านเตรียมนำเรื่องที่เกิดขึ้นภายใน ททบ.5 ไปสู่เวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจอีกครั้ง ซึ่งเป้านิ่งครั้งนี้ คือ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะ รมว.กลาโหม ช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย.นี้
ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องออกมาชี้แจงไม่เกี่ยวข้องกับการลาออกของ พล.อ.รังษี เพราะเกรงว่าจะเข้าข่ายแทรงแซงสื่อได้ ว่า ตนไม่เกี่ยวข้อง เพราะไม่ได้เป็น ผบ.ทบ. โดย ททบ.5 มีคณะกรรมการตรวจสอบของตัวเองอยู่แล้ว ตนจึงไปสั่งการไม่ได้ รวมทั้งสื่ออื่นๆด้วย ที่ตนจะไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้เช่นกัน
ส่วน พล.อ.ณรงค์พันธ์ ยังคงนิ่งเงียบไม่ได้ออกมาชี้แจงแต่อย่างใด รวมทั้งไม่ได้ให้ “ทีมโฆษก ทบ.” ชี้แจงสื่อด้วย โดยระหว่างที่เหตุการณ์เกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ติดภารกิจเยือนประเทศลาว แต่งานนี้ พล.อ.รังษี ได้ชี้แจงสื่อด้วยตัวเอง โดยเลี่ยงที่พูดในประเด็นที่จะทำให้เรื่องยิ่งบานปลาย
อย่างไรก็ตามไม่ใช่ครั้งแรกที่ ททบ.5 ตกเป็นเป้าของฝ่ายค้าน เพราะศึกซักฟอกครั้งที่ผ่านมา ก.ย.64 “สมคิด เชื้อคง”ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายกลางสภาถึงการอนุญาตให้ช่อง “ท็อปนิวส์” ในนาม บริษัทแกแลคซี่ฯ เข้าไปร่วมผลิตรายการกับ ททบ.5 มาแล้ว
แม้ว่า พล.อ.รังษี จะลาออกจากเก้าอี้ ผอญ.ช่อง 5 ไปแล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นไม่สามารถลบทิ้งไปได้ จึงต้องจับตาว่า “ฝ่ายค้าน” จะขุดมหากาพย์ ททบ. 5 ขึ้นมาอภิปรายอย่างไร
ซึ่งเป็นหน้าที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ กับ “บิ๊กช้าง”พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ที่ต้องชี้แจงร่วมกัน ทั้งนี้มีรายงานว่า ทบ. ได้รวบรวมข้อมูลต่างๆเพื่อเตรียมพร้อมศึกซักฟอกไว้แล้วด้วย
ทำให้เหตุการณ์ฟ้าผ่ากลาง ททบ.5 ครั้งนี้ เป็นงานหินของ พล.ท.วิสันติ ว่าที่กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ช่อง 5 ที่ต้องมารับไม้ต่อ 6 เดือนจากนี้ไป และเป็นการวัดกึ๋น ตท.22 “ทีมเพื่อนบี้” ในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง