นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินการให้ความช่วยเหลือทางการเงินเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบของกระทรวงการคลัง ที่ร่วมกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ได้แก่ ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ผ่านมาตรการสินเชื่อต่าง ๆ อาทิ โครงการสินเชื่อธนาคารประชาชน สินเชื่อเพื่อชำระหนี้สินนอกระบบ สินเชื่อกองทุนหมุนเวียนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ยากจน มาตรการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือและรองรับลูกหนี้นอกระบบที่ลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ สินเชื่อสร้างงานสร้างอาชีพ และ สินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส โดยผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 ถึงวันที่ 24 เมษายน 2568 พบว่า มีประชาชนที่เป็นหนี้นอกระบบได้รับอนุมัติแล้ว จำนวน 73,628 ราย คิดเป็นยอดอนุมัติรวมทั้งสิ้น 2,311.63 ล้านบาท
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังมีนโยบายส่งเสริมการประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ (สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์) เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ประชาชนรายย่อยสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบได้ในอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรม อีกทั้งยังเป็นการลดการพึ่งพาหนี้นอกระบบที่มีอัตราดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนด รวมถึงเปิดโอกาสให้เจ้าหนี้นอกระบบสามารถเข้ามาให้บริการสินเชื่อในระบบอย่างถูกกฎหมาย
โดยกระทรวงการคลังได้รายงานข้อมูลของเดือนมีนาคม 2568 มีนิติบุคคล (บริษัทจำกัดหรือห้างหุ้นส่วนจำกัด) ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์และเปิดดำเนินการแล้วจำนวน 1,155 ราย ครอบคลุมพื้นที่ 75 จังหวัดทั่วประเทศ ขณะที่ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2568 มีการอนุมัติสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ให้กับประชาชนรายย่อยสะสมรวมทั้งสิ้น 5,020,906 บัญชี เป็นจำนวนเงินรวม 49,067.28 ล้านบาท โดยเป็นยอดสินเชื่อคงค้างจำนวน 375,568 บัญชี คิดเป็นยอดเงินรวม 7,054.58 ล้านบาท
“รัฐบาลยืนยันว่า จะเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายแก้ไขหนี้นอกระบบควบคู่ไปกับการส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และลดความเหลื่อมล้ำในสังคมอย่างยั่งยืน” นางสาวศศิกานต์ กล่าว