ไม่พบผลการค้นหา
ประเทศไทยได้รับเกียรติจาก สหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ (FIVB) เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน FIVB Volleyball Women’s World Championship 2025 ครั้งแรกในประวัติศาสตร์วงการวอลเลย์บอลไทย

สมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย ร่วมกับ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, การกีฬาแห่งประเทศไทย, กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ และภาคเอกชน ร่วมแถลงข่าวการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน “วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก ปี 2568” โดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มอบหมายให้ นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการแถลงข่าว เมื่อวันที่ (28 พฤษภาคม 2568) พร้อมด้วย นายมงคล วิมลรัตน์ อธิบดีกรมพลศึกษา แขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชน เข้าร่วม  

ซึ่งประเทศไทยได้รับเกียรติจาก สหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ (FIVB) อีกครั้ง ด้วยการได้รับสิทธิ์เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน FIVB Volleyball Women’s World Championship 2025 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์วงการวอลเลย์บอลไทยที่มีการจัดการแข่งขันระดับโลก

วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก

สำหรับการได้รับสิทธิ์ครั้งนี้ได้รับงบประมาณสนับสนุนจาก คณะรัฐมนตรีในการประชุม เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567 และมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 ตามข้อเสนอของสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทยผ่านการกีฬาแห่งประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำศักยภาพของประเทศไทย ในการจัดการแข่งขันกีฬานานาชาติ และเป็นอีกหนึ่งโอกาสสำคัญในการยกระดับภาพลักษณ์ของประเทศในเวทีโลก

การแข่งขันครั้งนี้ กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 สิงหาคม ถึงวันที่ 7 กันยายน 2568 โดยจะมีทีมวอลเลย์บอลหญิงระดับชาติจากทั่วทุกทวีปที่ผ่านการคัดเลือก จำนวน 32 ทีม โดยแบ่งออกเป็น 8 สาย ๆ ละ 4 ทีม สำหรับการแข่งขันใน รอบแรก จะมีการกระจายการแข่งขันไปยัง 4 เมืองหลักในทุกภูมิภาคของประเทศไทย ได้แก่

·    จังหวัดเชียงใหม่ (ภาคเหนือ)

·    จังหวัดนครราชสีมา (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ)

·    จังหวัดภูเก็ต (ภาคใต้)

·    กรุงเทพมหานคร (ภาคกลาง)

ขณะที่การแข่งขันในรอบ 16 ทีมสุดท้าย, รอบก่อนรองชนะเลิศ, รอบรองชนะเลิศ และรอบชิงชนะเลิศ จะจัดขึ้น ณ อินดอร์สเตเดียม หัวหมาก กรุงเทพมหานคร

นายกฤษฎา กล่าวว่า “รัฐบาลโดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีนโยบายให้มีการจัดการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติเป็นประจำ ซึ่งนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยการจัดสรรงบประมาณจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติให้จำนวน 200 ล้านบาท และได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติงบประมาณของรัฐบาลให้จำนวน 450 ล้านบาท รวม 650 ล้านบาท

ตามที่สมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทยเสนอ คาดว่าการแข่งขันครั้งนี้จะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงถึง 8,500 ล้านบาท ส่งผลดีต่อการท่องเที่ยว การจ้างงาน และเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น ซึ่งเป็นโอกาสในการ สร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการ และเป็นเวทีแสดงศักยภาพของประเทศไทยสู่สายตา ชาวโลก ผ่านการถ่ายทอดสดที่คาดว่าจะมีผู้ชมทั่วโลกกว่า 3,000 ล้านคน สำหรับการเตรียมการเชิงนโยบายได้ขอให้การแข่งขันรายการครั้งนี้เป็นแบบ GREEN HEART EVENT (GHE) เป็นการแข่งขันระดับนานาชาตินำร่อง โดยให้ความสำคัญกับแนวคิดความยั่งยืน (Sustainability) ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม วัฒนธรรมและเศรษฐกิจ ตาม BCG Model (Bio-Circular-Green Economy)

โดยกระทรวงการท่องเที่ยว และกีฬา ได้ร่วมมือกับสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย สมาคมการจัดการกีฬาแห่งประเทศไทย และองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ในการกำหนดแนวทางและรูปแบบการจัดการแข่งขันให้เป็นไปตามเกณฑ์ของ GREEN HEART EVENT (GHE) โดยเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งขณะได้ดำเนินการไปบ้างแล้ว และทางสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติจะนำไปเป็นต้นแบบใช้ในการแข่งขันระดับโลกต่อไปด้วย”