พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ มาลงเรือหลวงอ่างทอง บริเวณอ่าวไทยตอนบน จังหวัดระยอง เพื่อเป็นประธานพิธีปิดการฝึกปฏิบัติทางทะเลของศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ในนามของผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล โดยทันทีที่มาถึง นายกรัฐมนตรีได้ชมการฝึกบริหารวิกฤตระดับชาติ การฝึกสาธิตประมงผิดกฎหมาย โดยเมื่อได้รับแจ้งได้มีการนำเรือเพื่อปิดเทียบเพื่อตรวจสอบ
พร้อมชุดสหวิชาชีพทางหัวเรือของเรือหลวงอ่างทอง เพื่อตรวจค้นอาวุธและตรวจสอบประวัติบุคคลที่อยู่ภายในเรือ รวมถึงชมการช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ลอยอยู่กลางทะเล โดยใช้เรือขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ และการขนย้ายทางเฮลิคอปเตอร์ ก่อนจะนำกลับมาที่เรือหลวงอ่างทอง เพื่อทำการรักษา ซึ่งเรือหลวงอ่างทอง ได้ถูกจัดตั้งเป็นโรงพยาบาลสนามทางเรือ ขีดความสามารถระดับ 2 ขณะที่ภารกิจสุดท้ายเป็นการขจัดคราบน้ำมันในทะเล ซึ่งสอดคล้องกับอุตสาหกรรมมาบตาพุดที่เป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่มีการขนถ่ายน้ำมัน โดยใช้เฮลิคอปเตอร์ขนสารเคมีโปรยลงบนทะเล ที่ทำให้น้ำมันแตกตัวและจมลงทะเล ประมาณ 1-2 สัปดาห์ก่อนจะสลายไปเองตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานสากล
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การเดินทางครั้งนี้เพื่อให้กำลังใจ ขณะเดียวกัน นายกฯ ได้สอบถามชาวบ้านที่มาร่วมฝึก ว่าประกอบอาชีพอะไร และสภาพความเป็นอยู่เป็นอย่างไร มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแล้วหรือไม่ ซึ่งขอให้ทุกคนใช้จ่ายยึดหลักประหยัด เงินที่ให้ในบัตรแม้จะเล็กน้อยแต่ก็เพียงพอกับการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค ขอให้ใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังขอให้ทุกหน่วยงานต้องบูรณาการร่วมกัน โดยการทำงานของ ศรชล.เกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน ทั้งในด้านภัยภิบัติ นักท่องเที่ยว และการปราบปรามประมงผิดกฎหมาย และภารกิจอื่นๆ จึงขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันและกันแยกไม่ได้ อีกทั้งต้องเรียนรู้ และทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ส่วนอะไรที่เป็นปัญหาและความขัดแย้งก็ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนให้ได้ จะคิดแบบเดิมทุกอย่างก็ไปไม่ได้ ขณะที่กฎหมายต้องใช้อย่างเป็นธรรม โดยเฉพาะกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน เช่น เรื่องการประมงผิดกฎหมาย และหากจะแก้กฎหมายต้องระมัดระวัง และย้ำว่าการแก้ปัญหาใดก็ตามก็ต้องแก้ทั้งระบบอย่าให้เกิดปัญหาตามมา ขณะเดียวกันต้องรักษาผลประโยชน์ชาติและประชาชนเป็นสำคัญ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวให้โอวาทเจ้าหน้าที่อีกว่า รู้สึกยินดีที่ได้มาร่วมรับชมการฝึกซ้อมในวันนี้ ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงรับสั่งและเน้นย้ำให้มีการเตรียมแผนหลัก แผนรอง และแผนเผชิญเหตุ ทั้งนี้การรักษาผลประโยชน์ของชาติมีหลายมิติ ทั้งทางทะเล ทางบก ทางน้ำและอากาศ ซึ่งทั้งหมดเป็นหน้าที่ของทุกคนอยู่แล้ว โดยต้องไม่มีการปล่อยปะละเลย ต้องเสียสละ อดทน และเป็นที่พึ่งให้ประชาชนให้ได้ทุกโอกาส อย่างไรก็ตามวันนี้ได้มาเห็นการทำงานร่วมกันของพลเรือน ทหาร ตำรวจและประชาชนแล้วมีความสุข นี่คือประเทศไทยของเรา โอกาสและศักยภาพมีจำนวนมาก หากมีปัญหากันเองก็จะทำอะไรไม่ได้
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวอีกว่า มีใครเบื่อนายกฯ หรือไม่ เพราะตนพูดนานอาจเบื่อแต่ยืนยันว่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อแผ่นดิน ผืนน้ำและประชาชน ซึ่งหน้าที่ของเราทุกคนคือต้องเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขณะเดียวกันในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะตอบคำถามกรณี นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฏร ส่งหนังสือมาถึงสำนักเลขานายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับการไปชี้แจงในการขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามรัฐธรรมนูญ ม.152 ในประเด็นการถวายสัตย์ปฏิญาณตนไม่ครบถ้วน โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเพียงสั่นๆว่า "เรื่องการเมืองไม่ตอบ เพราะวันนี้เป็นเรื่องงานการทหารเรือ" พร้อมทั้งไม่ตอบว่าได้เคลียร์คิวไปชี้แจงต่อสภาแล้วหรือยัง โดยนายกรัฐมนตรีได้เดินทางกลับทันที