พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลองค์กรที่มีความเป็นเลิศในการบริหารจัดการด้านการเงินการคลัง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 โดยมี 32 หน่วยงาน 54 รางวัล ที่ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล พร้อมกล่าวให้โอวาทตอนหนึ่งว่า วันนี้เป็นการเปิดสัปดาห์ใหม่ด้วยสิ่งที่ดีงาม เป็นการมอบรางวัลให้กับผู้ที่ประพฤติปฏิบัติดีในรูปแบบขององค์กร ซึ่งเราเป็นระบบราชการ ส่วนหนึ่งมีหน้าที่สำคัญเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการการเงินการคลัง ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจน่ายินดีในเกียรติยศกับหน่วยงานองค์กรและผู้บริหาร แต่สิ่งสำคัญคือเราจะรักษารางวัลที่ได้อย่างไร เพื่อไปเริ่มต้นกันใหม่ในวันข้างหน้า ซึ่งได้มีการหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในเรื่องของการพิจารณาหารางวัลภาพรวมใหม่ๆ ทั้งหมด 6-7 ประเภท ว่าจะมีใครทำได้ยอดเยี่ยมหรือไม่ ส่วนใครที่ไม่เคยได้รับรางวัลเลยจะต้องมีการพัฒนาตนเอง ด้วยศักดิ์ศรีความเป็นข้าราชการที่วันนี้มีกว่า 200 หน่วยงาน ที่เข้ามาอยู่ในกระบวนการ
ในเรื่องของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศให้มีเสถียรภาพนั้น เราจะต้องมีข้าราชการที่ดีมีการตรวจสอบไม่ทุจริตมีความโปร่งใส เป็นธรรม เพื่อพยายามลดปัญหาและขจัดปัญหาการเงินการคลังของประเทศได้โดยขอชื่นชมทุกหน่วยงานพยายามทำหน้าที่ของตนเองในสถานการณ์วิกฤติโดยเฉพาะสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจ การเงินการคลังของประเทศเป็นไปตามวัฏจักรของโลกภายนอก ซึ่งในวันนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งถือเป็นความยากง่ายและมีโอกาสได้แสดงฝีมือให้ประชาชนได้เชื่อมั่น ไว้วางใจ เพราะกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดทำเพื่อประเทศชาติและประชาชนทั้งสิ้น โดยมีการจัดทำยุทธศาสตร์ด้านการปรับสมดุลในการพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐอย่างเป็นระบบ ซึ่งต้องให้สอดคล้องกับทิศทางกับประเทศและสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่ามีทั้งสถานการณ์ภายใน สถานการณ์ภายนอกสถานการณ์ภูมิภาค สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจ สถานการณ์ความมั่นคง รับสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งเราจำเป็นต้องปรับการใช้งบประมาณให้เหมาะสม ที่ได้ให้แนวทางพุ่งเป้าไปในการแก้ปัญหาตามความเร่งด่วนให้ทันต่อเวลาและสถานการณ์ เป็นที่พึงพอใจของประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนตลอดจนพัฒนาประเทศไปด้วยถึงแม้งบประมาณบางอย่างจะลดไปในส่วนนี้ ต้องไปใช้ในการดูแลประชาชน จึงอยู่ที่การบริหารของเรา แล้ววันนี้ เราได้ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิค- 19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ โดยเฉพาะ เศรษฐกิจระดับบนระดับกลางระดับล่าง เพราะเราประกอบด้วยคนหลายประเภทหลายอาชีพ หลายรายได้ด้วยกันดังนั้นสิ่งที่เราต้องคำนึงถึงคือต้องคิดเสมอว่าต้องทำอย่างไร จะดูแลทุกคน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซึ่งมากบ้างน้อยบ้าง ก็ต้องดำเนินการปรับแก้ ถึงแม้เราจะสามารถจัดหารายได้น้อยลง โดยเฉพาะช่วงสถานการณ์โควิด- 19 ระบาดจึงได้มีนโยบายต่างๆตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ให้ดำเนินการด้วยความรอบคอบ และสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันซึ่งการทำงาน อะไรก็ตาม หากขาดความร่วมมือ ขาดความบูรณาการกัน มันก็ไปไม่ได้ทั้งหมด
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รางวัลคือความภาคภูมิใจซึ่งข้าราชการทุกคนน่าจะคิดแบบตนเองคิดรางวัลที่ดีที่สุดคือเกียรติยศ และความภาคภูมิใจ ที่คนอื่นมอบให้แก่เราความไว้วางใจที่มอบให้เรานั่นคือรางวัลที่จะติดตามตัวเราไปจนวันตาย นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุดไม่ได้หวังอย่างอื่น ดังนั้นจึงขอให้ทุกคนดำเนินการด้วยความรอบคอบ เพื่อบรรเทาผลกระทบให้ตรงจุด โดยยอมรับว่าวันนี้ เศรษฐกิจไทย มีปัญหามากบ้างน้อยบ้างก็ต้องไปปรับแก้ตามข้อเสนอแนะและแนวทางปฏิบัติตามที่ทุกหน่วยงาน และกระทรวงเสนอมา เพื่อปรับการใช้จ่ายทุกด้าน เพื่อให้เพียงพอจึงขอให้ช่วยทำความเข้าใจกับประชาชนในภาพรวม
นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า ขณะนี้เรามีโอกาสต่างๆ เข้ามามากมายท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งนานาประเทศก็มองว่าประเทศไทยเป็นเป้าหมายในภูมิภาคอาเซียนที่จะเข้ามาลงทุนซึ่งเห็นจากการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด -19 ที่ประเทศไทยทำได้ดีในอันดับต้นๆของโลก พร้อมเป็นห่วงสถานการณ์ภายในประเทศที่ยังคงมีการพูดจาให้ร้ายบิดเบือนจึงขออย่านำมาบั่นทอนจิตใจกันเอง โดยต้องรับฟังความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์อันไหนที่ไม่มีสาระ ก็ไม่ต้องไปตอบโต้กันซึ่งตนไม่อยากที่จะไปกล่าวโทษใครในเวลานี้เราต้องการที่จะบริหารราชการแผ่นดินให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย