นายประจักษ์ บุญยัง ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ดำเนินโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ หรือเน็ตประชารัฐ ให้ครอบคลุม 24,700 หมู่บ้าน วงเงิน 13,000 ล้านบาท จากการตรวจสอบพบว่า โครงการเน็ตประชารัฐยังไม่สามารถเปิดให้ ผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมเข้ามาเชื่อมต่อโครงข่ายเพื่อให้บริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงกับประชาชนในหมู่บ้านเป้าหมาย หลังวางโครงข่ายแล้วเสร็จตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2560
นายประจักษ์ กล่าวว่า สตง. พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้การดำเนินโครงการเน็ตประชารัฐสามารถใช้ประโยชน์ตามหลักการโครงข่ายแบบเปิดและประชาชนสามารถใช้ประโยชน์ได้ จึงเสนอแนะให้ดีอีเอสพิจารณาเปิดให้ผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมเข้าเชื่อมต่อโครงข่ายแบบเปิด ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดโดยเร็ว
นอกจากนี้การตรวจสอบและติดตามการใช้ทรัพย์สินของโครงการเน็ตประชารัฐ ยังไม่รัดกุมเพียงพอ ส่งผลให้มีผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมบางรายนำโครงข่ายดังกล่าวไปใช้งานโดยยังไม่ได้รับอนุญาต สตง.เสนอแนะให้ ดีอีเอสพิจารณาตรวจสอบติดตามการเชื่อมต่อโครงข่ายแบบเปิดทั้งหมด หากพบว่ามีการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้อง แล้วทำให้รัฐไม่ได้รับสิทธิหรือผลประโยชน์ที่รัฐควรได้รับให้ดำเนินการตามสมควรแก่กรณี
และจากการตรวจสอบลักษณะการใช้อินเทอร์เน็ตของประชาชนในพื้นที่เป้าหมายพบว่ายังไม่สะท้อนความสำเร็จของการใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของโครงการได้ สตง.จึงเสนอแนะให้พิจารณาทบทวนแนวทางส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากโครงข่ายเน็ตประชารัฐว่ายังมีความจำเป็นต้องสนับสนุนหรือไม่ หากเห็นว่ายังมีความจำเป็น ให้เลือกแนวทางจัดอบรมโดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับความต้องการของผู้เข้าร่วมอบรมในแต่ละพื้นที่ และควรกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้มีความชัดเจน และให้ประชาชนในพื้นที่เป้าหมายเข้ามามีส่วนร่วมในการคัดเลือกจุดติดตั้งที่เหมาะสม สอดคล้องตามความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่ เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่าง คุ้มค่า