7 ก.พ. 2567 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 15 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 2 ภายหลังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอภิปรายและและพิจารณาร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง 2558 ที่เสนอโดย สส. ทั้ง 6 ฉบับ แล้ว พิเชษฐ์เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่2 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมขณะนั้น เปิดให้ผู้เสนอร่างกฏหมายทั้ง 5 ฉบับได้สรุปปิดท้าย ก่อนที่จะขอความเห็นจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เห็นด้วยหรือไม่ที่จะส่งร่างกฎหมายให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาก่อนเป็นเวลา 60 วันก่อนที่จะส่งกลับมายังสภาผู้แทนราษฎรเพื่อลงมติวาระที่ 1 

ทำให้ วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ลุกขึ้นอภิปรายว่าไม่เห็นด้วยที่จะอุ้มร่างกฎหมายนี้ออกไปอีก 60 วัน โดยตั้งคำถามว่า สส. จะตอบคำถามกับพี่น้องประชาชนในเรื่องนี้ได้อย่างไร รัฐบาลชุดก่อนหน้านี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาร่างกฏหมายดังกล่าวแล้ว ซึ่งหากรัฐบาลชุดนี้นำกลับไปพิจารณาก่อนอาจเป็นการเตะถ่วงร่างกฏหมายได้ 

จากนั้นสมาชิกได้ถกเถียงกันอย่างกว้างขวางในที่ประชุมจนกระทั่งมีการประท้วงระหว่าง สส. ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล เช่น อัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ลุกขึ้นกล่าวว่า สส. ฝ่ายรัฐบาลพิจารณาแล้วว่าพ.ร.บ. ประมง เป็นกฎหมายที่ประชาชนรอคอยมานานจะต้องมีความรอบคอบ จะมาสุกเอาเผากินไม่ได้

ด้าน ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคก้าวไกล ได้ลุกขึ้นประท้วง นายพิเชษฐ์ ให้วินิจฉัยคำว่า สุกเอาเผากิน เกรงว่าจะเป็นการกล่าวหาผู้เสนอร่างกฎหมาย จนกระทั่ง นายพิเชษฐ์ ได้สั่งพักการประชุมเพื่อให้วิป 2 ฝ่าย ได้นำเรื่องนี้ไปหารือกันก่อน เพื่อหาข้อสรุป

หลังพักการประชุม ชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ลุกชี้แจงต่อที่ประชุมว่า ในความเป็น สส. การเสนอกฎหมายเป็นหน้าที่ ตนเข้าใจสภาพของ สส. แต่เมื่อได้หารือกับคณะกรรมการกฤษฎีกา ชี้ว่า มี 2 ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ ตนจึงเห็นด้วย และเสนอว่าให้ ครม. นำไปศึกษา 15 วัน เพราะ 60 วันล่าช้าเกินไป 

"เข้าใจว่าสมาชิกทุกคนมีความเป็นห่วง แต่ผมมาในฐานะคนกลาง สมาชิกทั้งฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาล ทุกคนมีเหตุผลที่ถูกต้อง ไม่มีใครผิด เรื่องนี้มีข้อกฎหมายเกี่ยวกับกฎหมายระหว่างประเทศ ผมบอกว่า 15 วันก็ไม่นานเกินรอ 60 วันนานเกินไป" ชาดา กล่าว

จากนั้น ณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ลุกขึ้นต่อรอง โดยเสนอให้ ครม. นำกลับมาในที่ประชุมสภาฯ ภายในวันพุธที่ 21 ก.พ. เชื่อมั่นว่าทางรัฐบาลและคณะกรรมการกฤษฎีกาสามารถทำได้ทัน เพราะหากเป็น 15 วันจะต้องรออีกหลายสัปดาห์กว่าจะได้พิจารณา

จากนั้นได้มีการต่อรองกันระหว่าง ณัฐวุฒิ และ ชาดา จนกระทั่ง ณัฐวุฒิ กล่าวว่า ขอเป็นวันพฤหัสบดีที่ 22 ก.พ. ขอในฐานะลูกหลานคนอุทัยธานีเหมือนกัน ทำให้ ชาดา ตอบตกลง พร้อมกล่าวว่า "ได้เลยครับ ขอก็ให้ครับผม ด้วยความเต็มใจอย่างยิ่ง"

อย่างไรก็ตาม ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ได้ขอหารือต่อที่ประชุม ว่าจะสามารถรับปากได้หรือไม่หากต่อจากนี้ไป ร่างกฎหมายที่ สส.ยื่นกันเอง แต่ไม่มีร่างของ ครม. ตกลงว่า ครม. จะอุ้มทุกร่างหรือไม่ หรือจะรับหลักการแล้วให้ฝ่ายนิติบัญญัติทำหน้าที่ตามอำนาจของตัวเองอย่างที่ควรจะเป็น

ทำให้ อัครเดช ขอหารือต่อ จน พิเชษฐ์ ร้องว่า "โอย ยังจะไปต่ออีกหรือ" ก่อนที่ อัครเดช กล่าวว่า การที่ ครม. นำร่างกฎหมายไปศึกษาต่อระยะเวลา 60 วัน ไม่ได้เป็นการลบหลู่อำนาจนิติบัญญัติ แต่เพื่อให้เกิดความรอบคอบในการตรากฎหมาย ตามข้อบังคับการประชุมสภา

จากนั้น ปกรณ์วุฒิ จึงยืนยันว่าต้องลงมติในเรื่องนี้ เช่นเดียวกับ สส. จากพรรคประชาธิปัตย์ แต่ พิเชษฐ์ ได้ตัดบท และสั่งปิดการประชุมทันที