โดยคดีนี้ พลตำรวจโท สุรเชษฐ์ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ขณะนั้น) ถูกคำสั่งหัวหน้า คสช. เมื่อวันที่ 9 เม.ย. 2562 โอนตำแหน่งไปเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จึงได้ทำหนังสือทำถึงนายกรัฐมนตรีและปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีขอให้ทบทวนคำสั่งดังกล่าว แต่กลับไม่มีการพิจารณา
ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เสนอเรื่องที่พลตำรวจโทสุรเชษฐ์ขอให้ทบทวนการโอนตำแหน่ง ให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาเมื่อวันที่ 26 ส.ค.2563 ต่อมายังทำหนังสือลักษณะเดิมอีก 2 ครั้ง จึงถือว่าปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีไม่ได้ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร และไม่เป็นการกระทำละเมิดต่อผู้ฟ้องคดี
ส่วนกรณีของนายกรัฐมนตรีนั้นพบว่า ได้รับหนังสือที่พลตำรวจโทสุรเชษฐ์ขอให้ทบทวนแล้ว แต่ไม่ได้มีคำสั่งว่าจะดำเนินการอย่างใด กรณีจึงถือว่านายกรัฐมนตรีละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร และเป็นการกระทำละเมิดต่อผู้ฟ้องคดีด้วย
อย่างไรก็ตามในระหว่างการพิจารณาคดีของศาล ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้มีหนังสือลงวันที่ 5 มี.ค.2564 ถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อให้พิจารณาสั่งให้พลตำรวจโท สุรเชษฐ์ กลับไปปฏิบัติงานในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งนายกรัฐมนตรีพิจารณาแล้วได้มีคำสั่งเห็นชอบตามที่ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ และต่อมาพลตำรวจโท สุรเชษฐ์ ได้โอนกลับไปรับราชการในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำแหน่งที่ปรึกษา (สบ 9) ซึ่งเป็นตำแหน่งเทียบเท่าตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแล้ว เหตุแห่งการฟ้องคดีจึงหมดสิ้นไป
ส่วนประเด็นที่นายกรัฐมนตรีละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควรในการไม่ทบทวนคำสั่งหัวหน้า คสช. ตามที่พลตำรวจโทสุรเชษฐ์ร้องขอ และเป็นการ กระทำละเมิดต่อผู้ฟ้องคดีอันเนื่องจากการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่นั้น นั้น เห็นว่า หัวหน้า คสช. ได้อาศัยอำนาจตามข้อ 5 ของคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 16/2558 ในการออกคำสั่งโอนย้ายพลตำรวจโทสุรเชษฐ์ ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งคำสั่งหัวหน้า คสช. เป็นคำสั่งที่อาศัยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 ดังนั้น คำสั่งหัวหน้า คสช. ดังกล่าวจึงมิใช่คำสั่งทางปกครอง นายกรัฐมนตรีจึงไม่มีอำนาจในการพิจารณาทบทวนคำสั่ง ดังนั้นนายกรัฐมนตรีจึงไม่ได้ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด และไม่เป็นการกระทำละเมิดต่อผู้ฟ้องคดี จึงพิพากษายกฟ้อง