นักเรียน นิสิต นักศึกษาจาก 25 สถาบันการศึกษาทั่วประเทศ ร่วมกิจกรรม ‘คนรุ่นใหม่หัวใจประชาธิปไตย’ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญในบทบาทของเยาวชนต่อกระบวนการมีส่วนร่วมในระบอบประชาธิปไตย เป็นการปลุกพลังคนรุ่นใหม่ที่มีสิทธิ์ไปเลือกตั้ง เน้นย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของการเลือกตั้ง ที่ครั้งนี้มีเยาวชนที่มีสิทธิ์เลือกตั้งครั้งแรกกว่า 7 ล้านคน
ด้านตัวแทนนักศึกษาจากโครงการยุวชนประชาธิปไตย ได้แสดงความคิดเห็นต่อการเลือกตั้งครั้งนี้ และความรู้สึกที่เป็น New Voter หรือผู้ที่จะได้ไปเลือกตั้งครั้งแรก โดยนาย จักรพงศ์ ศิริโส นิสิตจากคณะรัฐศาสตร์ วิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เผยว่าการเป็น New Voter ครั้งนี้รู้สึกว่ามีเรื่องให้ลุ้นอยู่หลายเรื่อง ลุ้นแรกคือ รู้ว่าเรามีสิทธิ์เลือกตั้ง ลุ้นครั้งที่สอง ที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนอกหักทางการเมือง คือวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่มีการประกาศเลื่อนเลือกตั้ง ว่าไม่ได้ไปใช้สิทธิ์ในวันนั้น แล้วก็มีอีกหลายๆ เหตุการณ์ กระทั่งเมื่อวานนี้ ก็มีแฮชแท็กต่างๆ ในทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ก ว่ามีเรื่องให้ลุ้นอีก ซึ่งถือเป็นการตื่นตัวทางการเมืองของคนรุ่นใหม่ ว่าเราจะใช้สิทธิ์ครั้งนี้อย่างไร
ขณะที่ ธนา นักศึกษาจาก คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า เยาวชนบางคนอาจจะมองว่า เยาวชนเป็นแค่คนที่ต้องฟังผู้ใหญ่เท่านั้น แต่ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ ผมมองว่ามันไม่ใช่จุดจบหรือคำตอบสุดท้าย แต่การเลือกตั้งครั้งนี้มันเหมือนจุดเริ่มต้น ที่จะบอกว่าอนาคตข้างหน้าเราจะจัดระเบียบทางการเมืองอย่างไร และก็รู้ว่าพลังการเลือกตั้งของคนรุ่นใหม่รุนแรงแค่ไหน
ธีระวัฒน์ ชูรัตน์ นักศึกษาจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เผยว่า เยาวชนรุ่นใหม่ปีนี้มีจำนวน 7-8 ล้านคน ถ้าจะคิดเป็นสัดส่วนจริงๆ คือเราสามารถนำ ส.ส. เข้าสู่สภาฯได้ 70-80 คน ซึ่งจำนวนนี้ถือเป็นสัดส่วนที่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เยอะมาก ยกตัวอย่างเช่น สามารถรับรองการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีได้ เป็นต้น ถ้าเยาวชนมองในมุมที่กว้างขึ้นแล้วมองให้ยาวขึ้น จะรู้เลยว่าจำนวน ส.ส. ที่เราไปเลือกในครั้งนี้ สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้จริงๆ
สิริโชค เทพมณี นักศึกษาจาก คณะบริหารธุรกิจ โลจิสติกส์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง บอกว่า ในฐานะที่เป็นเยาวชนรุ่นใหม่ และอย่างที่ทราบว่ากลุ่มของพวกเรามีเสียงถึงเกือบ 7 ล้านคน หรือมากกว่านั้น ถ้าเรามองว่าเป็นเราคนเดียว มันอาจจะดูเป็นแค่หนึ่งเสียงเล็กๆ แต่พอเราร่วมมือกันออกมาใช้เสียง มันจะเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ เพราะมันสามารถเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขอะไรหลายๆ อย่างได้ เพราะเยาวชนเมื่อเติบโตขึ้นก็จะเป็นกำลังสำคัญของประเทศต่อไป เราควรจะใส่ใจและให้ความสำคัญ เพราะอนาคตและทิศทางของประเทศไทยอยู่ในมือเราแล้ว
พร้อมอยากให้ทุกคนเห็นคุณค่าในตัวเอง และศรัทธาในความเป็นเยาวชน คือบางคนมองว่าเรายังเด็ก เป็นเยาวชน ยังเป็นครั้งแรก แล้วเราก็จะกลัว คืออยากให้เอาความกลัวมาผลักดันตัวเอง คือบางคนก็จะบอกว่าเราไม่มีความรู้ เรายังไม่เก่งการเมือง เรายังไม่รู้เกม อย่ามองว่าเป็นเกม ให้มองว่าเรามีสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนแปลง หรือขับเคลื่อนอะไรพวกนี้ได้ ฉะนั้นก็อยากให้ทุกคนเอา 1 เสียงที่เรามีออกมาใช้เพื่อประเทศของเรา ให้ประเทศของเราพัฒนาไปข้างหน้าได้ด้วยความภาคภูมิใจของเรา ว่าอย่างน้อยเราก็คือคนที่ออกมาใช้สิทธิ์ใช้เสียง
ด้านพันตำรวจเอก จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวว่า การเลือกตั้งสมาชิกผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญปี 2560 มีรูปแบบหลักเกณฑ์ที่ต่างไปจากเดิม การรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ถูกต้องจึงเป็นเรื่องสำคัญและยังเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกในรอบเกือบ 8 ปี มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั่วประเทศกว่า 51 ล้านคน และมีเยาวชนอายุ 18-25 ปี มีสิทธิ์เลือกตั้งครั้งแรกกว่า 7 ล้านคนด้วย จำเป็นต้องมีการรณรงค์ทุกกลุ่มเป้าหมายให้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการเลือกตั้ง ออกมาใช้สิทธิ์ให้ได้มากที่สุด โดยหวังผลให้มีผู้มาใช้สิทธิ์มากกว่าร้อยละ 80 ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง และบัตรเสียไม่เกินร้อยละ 2
เปิดมุมมองนักแสดงรุ่นใหม่ กับการไปเลือกตั้งครั้งแรก
นิโคลีน – พิชาภา ลิมศนุกาญจน์ มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2018 วัย 22 ปี กับการไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งครั้งแรกในประเทศไทย เธอให้สัมภาษณ์กับ 'วอยซ์ ออนไลน์' ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญมาก เพราะพวกเราทุกคนในฐานะประชาชนของประเทศ ถือเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงของประเทศ เป็นส่วนหนึ่งของประชาธิปไตย ผ่านการใช้เสียง และการเลือกตั้งถือเป็นผลประโยชน์ของทุกคน ส่วนตัวรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ทำ และคิดว่าเรื่องการเมืองไม่ใช่แค่เรื่องของนักการเมืองอย่างเดียว แต่คือเรื่องของทุกๆ คน เพราะเราถือเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างประเทศชาติ
ขณะเดียวกันในฐานะ New Voter คิดว่าเสียงของคนรุ่นใหม่สำคัญและแข็งแรง เพราะกลุ่มคนเหล่านี้จะเติบโตขึ้นและเป็นกลุ่มคนที่จะอยู่กับประเทศนี้ไปอีกนาน ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้จะส่งผลถึงคนกลุ่มนี้มากที่สุด ไม่อยากให้คนรุ่นใหม่คิดว่า 1 เสียงของเราไม่สำคัญ เพราะถ้า 1 เสียงมารวมกันเยอะๆ มันก็จะกลายเป็นเสียงที่มีพลัง
กองทัพ พีค ศิลปิน-นักร้อง วัย 18 ปี บอกว่า การเลือกตั้งครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2554 ซึ่งตอนนั้นมีอายุเพียง 10 ขวบเท่านั้น 8 ปีผ่านไป ก็มีอายุครบ 18 ปี พอดี รู้สึกดีใจ และภูมิใจเพราะเราโตพอที่จะมีสิทธิ์เลือกตั้ง พร้อมบอกว่ารู้สึกตื่นเต้น เพราะเหมือนเป็นหน้าที่ที่สำคัญมาก ที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศ เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มาก
สำหรับปีนี้มีคนที่มีสิทธิ์เลือกตั้งครั้งแรกกว่า 7 ล้านคน ก็ถือเป็น 7 ล้านเสียงที่สำคัญมาก ถือเป็นกลุ่มสำคัญที่จะอยู่กับสิ่งที่เลือกไปอีกนาน ดังนั้นอยากให้คนรุ่นใหม่ และประชาชนคนไทยทุกคนออกมาใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้ง ในวันที่ 24 มีนาคมนี้ และสำหรับใครที่ลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าไว้แล้ว ก็อย่าลืมไปใช้สิทธิ์กันด้วย ในวันที่ 17 มีนาคม
ออกัส - วชิรวิชญ์ ไพศาลกุลวงศ์ วัย 22 ปี เผยว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีความสำคัญมาก เนื่องจากเราต้องเลือกผู้นำประเทศของเรา เพื่อที่จะมาพัฒนาและขับเคลื่อนประเทศ โดยเฉพาะปีนี้ก็ต้องศึกษากติกาเป็นพิเศษ เนื่องจากไม่มีการเลือกตั้งมา 8 ปีแล้ว ต้องไปดูว่ามึอะไรที่เพิ่มขึ้นมา หรือลดลงไป อยากให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ทุกคนตระหนัก และศึกษาเรื่องนี้อย่างดี พร้อมย้ำว่า ทุกสิทธิ์ทุกเสียงมีความหมายและมีความสำคัญมาก ส่วนตัวก็จะไปศึกษาข้อมูลต่างๆ และคิดว่าจะเลือกคนที่มีความเป็นประชาธิปไตยมากที่สุด
สำหรับการเลือกตั้งครั้งแรกนี้ บอกว่ารู้สึกตื่นเต้น เพราะว่าไม่เคยเลือกตั้งมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นเยาวชนคนรุ่นใหม่จำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับคนที่มาบริหารและพัฒนาประเทศของเรา
ภณ – ณวัสน์ ภู่พันธัชสีห์ วัย 23 ปี นักแสดงหน้าใหม่ พูดถึงการเลือกตั้งครั้งนี้ว่า คิดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญมาก เพราะถ้าเราอยากให้ประเทศเป็นแบบไหน ก็เลือกตัวแทนอย่างที่เราอยากให้เป็น เพราะบุคคลเหล่านี้จะเป็นตัวแทนของเราพัฒนาประเทศชาติต่อไป พร้อมทั้งบอกว่า รู้สึกตื่นเต้น เพราะเป็นการเลือกตั้งครั้งแรก และรู้สึกว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เด็กรุ่นใหม่ต้องศึกษาข้อมูลต่างๆ ให้เยอะพอสมควร เพราะ กฎ กติกา แตกต่างจากการเลือกตั้งครั้งก่อนๆ ที่เคยมีการเลือกตั้ง
ขณะที่ปีนี้มีคนรุ่นใหม่กว่า 7 ล้านคน ที่เป็น New Voter ส่วนตัวอยากให้คนรุ่นใหม่ทุกๆ คน เห็นความสำคัญของการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะหากใครไม่ได้ไปใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ก็อาจจะเสียสิทธิ์อื่นๆ ในอนาคต หรือว่าเสียสิทธิ์การเป็นข้าราชการทางการเมืองได้