วันที่ 23 พ.ค. 2566 ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา สมัยวิสามัญ ที่ประชุมวุฒิสภาลงคะแนนเสียงให้ความเห็นชอบ ศิลักษณ์ ปั้นน่วม ผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (ตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. 2561) ด้วยคะแนนเสียง ให้ความเห็นชอบ 182 คะแนน ไม่ให้ความเห็นชอบ 1 คะแนน ไม่ออกเสียง 4 คะแนน
ผลการออกเสียงลงคะแนนปรากฏว่า ศิลักษณ์ ปั้นน่วม ได้รับความเห็นชอบด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา (คือ ไม่น้อยกว่า 125 คะแนน) จึงเป็นผู้ได้รับความเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน
สำหรับ ศิลักษณ์ ปัจจุบัน อายุ 62 ปี จบการศึกษารัฐศาสตรบัณฑิต จุฬาฯ ปี 2524 จบ Master of Philosophy (Development Studies) Massey University ประเทศนิวซีแลนด์ ปี 2535 ประสบการณ์การทำงานผ่านการเป็น นักวิเคราะห์งบประมาณสำนักงบประมาณ , ที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ , รองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ปัจจุบันข้าราชการบำนาญ สำนักงบประมาณ และกรรมการตรวจสอบภายใน สำนักงาน กสทช.
มติที่ประชุมวุฒิสภา ยังลงคะแนนเสียงไม่ให้ความเห็นชอบ สถาพร วิสาพรหม เป็นผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตามมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ด้วยคะแนนเสียง ให้ความเห็นชอบ 41 คะแนน ไม่ให้ความเห็นชอบ 138 คะแนน ไม่ออกเสียง 27 คะแนน
จึงถือว่า สถาพร วิสาพรหม ได้รับความเห็นชอบด้วยคะแนนเสียงน้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา (คือ น้อยกว่า 125 คะแนน) จึงเป็นผู้ไม่ได้รับความเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช.
สำหรับ สถาพร ปัจจุบัน อายุ 58 ปี จบการศึกษานิติศาสตรบัณฑิต ม.ธรรมศาสตร์ ปี 2527 จบเนติบัณฑิต สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา ปี 2529 สำหรับประสบการณ์การทำงานเคยผ่านผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแขวงสุรินทร์ผู้พิพากษาศาลหัวหน้าจังหวัดนครปฐม ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษและตพแหน่งล่าสุด รองประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ
นอกจากนี้ ที่ประชุมวุฒิสภา ยังเห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( สมบัติ ธรธรรม)ตามข้อบังคับ ข้อ 105 จำนวน 15 คน กำหนดระยะเวลาการดำเนินงาน 60 วัน
ที่ประชุมวุฒิสภา ยังเห็นชอบให้ตั้ง กมธ.สามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( พศวัจณ์ กนกนาก) ตามข้อบังคับ ข้อ 105 จำนวน 15 คน กำหนดระยะเวลาการดำเนินงาน 60 วัน
ขณะเดียวกัน มติที่ประชุมวุฒิสภาเห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง (ชาย นครชัย) ตามข้อบังคับ ข้อ 105 จำนวน 15 คน กำหนดระยะเวลาการดำเนินงาน 60 วัน