รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับโรคโควิด19 เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง นับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2565 กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ยกเลิกแอปไทยชนะ ซึ่งข้อมูลทั้งหมดในระบบจะถูกทำลายทิ้ง ตามมาตรฐานความปลอดภัยทางสารสนเทศ ขณะที่กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ยกเลิกการตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้องกับโรคโควิด-19 เช่น เอกสารรับรองการได้รับวัคซีน และผลตรวจหาเชื้อโควิด-19 สำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศไทย
“ขณะนี้ โรคโควิด19 ได้ถูกปรับลดเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังคงติดตามสถานการณ์การแพร่เชื้ออย่างใกล้ชิด รวมถึงการรับวัคซีนเข็มกระตุ้นยังคงเป็นสิ่งจำเป็นเพราะช่วยลดความเสี่ยงต่ออาการรุนแรงได้มาก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ จึงอยากให้ประชาชนมารับการฉีดวัคซีนให้ครบถ้วน อีกทั้งการเว้นระยะห่าง การใส่หน้ากากเมื่ออยู่ในสถานที่แออัดยังคงเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อ แม้อาการจะไม่รุนแรงแต่ก็อาจเป็น Long Covidได้ มากไปกว่านั้น รัฐบาลได้จัดหาวัคซีนไฟเซอร์สำหรับเด็อายุหกเดือนถึงสี่ขวบ จำนวนสามล้านโดสไว้แล้ว คาดว่าจะมาถึงและกระจายการฉีดให้แก่เด็กทั่วประเทศในช่วงครึ่งหลังของเดือนตุลาคมนี้” รัชดา กล่าว