ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติให้ ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มีความผิดฐานฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง ในข้อ 11 และข้อ 17 กรณีครอบครองที่ดินของรัฐในรูปของ ภ.บ.ท.5/ส.ป.ก. จำนวน 29 แปลง เพื่อทำปศุสัตว์ โดยถือครองมาตั้งแต่ปี 2545-2546 ก่อนที่จะมาเป็น ส.ส.ซึ่งหลังจากมีมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะต้องเสนอเรื่องต่อศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัยต่อไป และเมื่อศาลฎีกาประทับรับฟ้องจะเป็นเหตุให้ ส.ส. อาจต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันทีนั้น
กรณีการวินิจฉัยเกี่ยวกับการกระทำความผิดฐานฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง ถือว่าเป็นกรณีแรกของ ป.ป.ช. หลังจากที่กฎหมายกำหนดให้ ป.ป.ช.มีอำนาจหน้าที่ในการเอาผิดเกี่ยวกับจริยธรรม ซึ่งสื่อมวลชนหลายสำนักรายงานว่ายังมี ส.ส.อีก 13 รายที่สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยได้ร้องเรียนไว้ต่อ ป.ป.ช.ในเรื่องที่คล้ายกับกรณีของ ส.ส.ปารีณา ไกรคุปต์
แต่แท้ที่จริงแล้วสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยได้นำความไปร้องเรียน ป.ป.ช.เกี่ยวกับ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) หลายพรรคการเมืองรวมทั้งรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่อาจถือครองที่ดินรัฐในรูปของ ภ.บ.ท.5 และ ส.ป.ก. หรือออกเอกสารสิทธิ์ทับที่อุทยานฯถึง 4 ครั้ง ดังนี้
ครั้งแรกเมื่อ 20 พ.ย. 2562 มี 3 ราย
ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2562 มี 3 ราย
ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2562 มี 13 ราย
รายล่าสุด เมื่อวันที่ 27 ม.ค. 2563
ดังนั้น เมื่อ ป.ป.ช.วางบรรทัดฐานเกี่ยวกับการที่ ส.ส.ห้ามมีที่ดินรัฐในกรณีของปารีณา ไกรคุปต์ ไว้แล้ว ก็เชื่อมั่นว่า ส.ส.และหรือรัฐมนตรี อีก 19 รายที่เหลือก็อาจจะต้องเดินตามรอยการวินิจฉัยเฉกเช่นกรณีของปารีณาไปในลักษณะเดียวกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :