“นี่คือรายชื่อล่าสุด แต่ยังไม่สมบูรณ์นัก เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญของเรากำลังตรวจสอบรายงานสถานที่อีกจำนวนหนึ่ง (จากทางการยูเครน)” ตัวแทนของ UNESCO ระบุกับสำนักข่าว AFP โดยสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์กว่า 53 แห่งดังกล่าวตั้งอยู่ทางตอนเหนือและตะวันออกของยูเครน สถานที่ที่รัสเซียใช้เป็นเส้นทางในการเข้ารุกรานประเทศเพื่อนบ้านของตนเอง
องค์การ UNESCO ได้ใช้ภาพถ่ายดาวเทียมในการตรวจสอบและยืนยันข้อมูลจากทางการของยูเครน ถึงสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่ได้รับความเสียหายจากการโจมตีของรัสเซีย โดย UNESCO ได้ยืนยันว่า มีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์กว่าหลายสิบแห่งในแถบตะวันออกของคาร์คิฟได้รับความเสียหาย สืบเนื่องจากการถล่มยิงจากกองทัพรัสเซียอย่างหนักใส่โบสถ์ไปจนถึงสถานที่ที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมสมัยใหม่ของยูเครน
นอกจากนี้ ยังมีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อีกห้าแห่งในกรุงเคียฟที่ได้รับความเสียหาย ในขณะที่มีอีกห้าสถานที่ในเชอร์นีฮีฟ ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของยูเครนก็ได้รับความเสียหายจากการโจมตีของรัสเซียด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ UNESCO เปิดเผยว่า มีสถานที่ทางศาสนา 29 แห่ง อาคารทางประวัติศาสตร์ 16 แห่ง พิพิธภัณฑ์ 4 แห่ง และอนุสาวรีย์อีก 4 แห่งที่ได้รับความเสียหาย
รายชื่อสถานที่ที่ได้รับความเสียหายยังไม่นับรวมถึงสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ในเมืองมารีอูปอลที่กำลังถูกกองทัพรัสเซียล้อมรอบเมือง และเมืองเคอร์ซอนที่ถูกกองทัพรัสเซียยึดไปได้แล้ว ทั้งนี้ ยังไม่มีการยืนยันจากทาง UNESCO ว่าสถานที่ที่เป็นมรดกโลกอย่างวิหารเซนต์โซเฟีย หรืออาคารอารามของเคียฟเปเชอร์สค์ ลาฟราได้รับความเสียหายหรือไม่
ทั้งนี้ เชอร์นีฮีฟซึ่งเป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ของยูเครนกำลังอยู่ในรายชื่อเบื้องต้น ซึ่งหมายความว่าสถานที่ดังกล่าวกำลังได้รับการพิจารณาจาก UNESCO ในการประกาศให้เป็นมรดกโลกในอนาคต อย่างไรก็ดี นายกเทศมนตรีของเชอร์นีฮีฟระบุว่า กองทัพรัสเซียยังคงล้อมรอบเมืองทางประวัติศาสตร์และยิงถล่มด้วยระเบิดอยู่เป็นระยะๆ ถึงแม้รัสเซียได้ประกาศว่า ตนจะลดปฏิบัติการลงบริเวณรอบกรุงเคียฟและเมืองทางตอนเหนือของยูเครน ตามหลักการเจรจาสันติภาพที่รัสเซียตกลงกับยูเครน
ก่อนหน้านี้ ออเดรย์ อาซูเลย์ ผู้อำนวยการใหญ่ประจำ UNESCO ได้ส่งจดหมายถึง เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซียในวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อเรียกร้องและย้ำเตือนขอให้รัสเซียปกป้องสถานที่สำคัญและมรดกทางประวัติศาสตร์ ภายใต้อนุสัญญาระหว่างประเทศระหว่างความขัดแย้งที่เกิดขึ้น โดยอาซูเลย์ย้ำว่า UNESCO จะจับตาดูมรดกโลกสำคัญในยูเครนอย่างใกล้ชิด
ทางกระทรวงวัฒนธรรมยูเครนเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (1 เม.ย.) ว่า มีบันทึกถึง 135 กรณีที่กองทัพรัสเซียได้ก่ออาชญากรรมต่อมรดกทางวัฒนธรรมของยูเครน ตั้งแต่สงครามในครั้งนี้เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการทำลายพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ในกรุงเคียฟ การทิ้งระเบิดในโรงละครในมาริอูปอล และการโจมตีอนุสาวรีย์รำลึกเหยื่อการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวโดยนาซีเยอรมนีของเมืองคาร์คิฟ
ที่มา: