สุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 ถือว่าค่อนข้างหนัก ซึ่งทางภาคเอกชนมีความเป็นกังวลเท่ากับการระบาดในระลอกแรก เพราะยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อค่อนข้างมาก ซึ่งเบื้องต้นประเมินว่าภาคบริการจะได้รับความเสียหายมากที่สุด ส่วนภาคอุตสาหกรรมยอมรับว่าเสียหายบางส่วน เพราะขณะนี้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออกปรับตัวดีขึ้นจากเศรษฐกิจโลกที่เริ่มมีการฟื้นตัว โดยเฉพาะจีน
อย่างไรก็ตามภาคอุตสาหกรรมในประเทศยังคงมีความเป็นห่วงต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งประเมินว่าการทำธุรกรรมต่างๆจะชะลออย่างน้อยหนึ่งเดือน สร้างความเสียหายระดับกว่าแสนล้านต่อเดือนแน่นอน โดยสิ่งที่จะบรรเทาความเสียหายภาคเศรษฐกิจได้คือการเร่งจัดหาวัคซีนเข้ามาโดยเร็วที่สุด โดยหวังว่ารัฐบาลจะจัดหาวัคซีนให้ได้ 20-30 ล้านโดสเข้ามาได้ภายในเดือน มิ.ย.นี้ เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
“ฝากถึงมาตรการความช่วยเหลือภาครัฐว่ามาตรการที่ผ่านมาก็ดีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเราไม่อยากเป็นให้เป็นการเอาน้ำไปรดใส่ทราย เพราะพืชจะปลูกไม่ขึ้น เราอยากให้ทรายเป็นดินแล้วเอาแล้ววัคซีนเข้ามา แล้วนำน้ำรดไปพืชจะได้แข็งแรง” สุพันธุ์ กล่าว
ขณะที่ในวันพรุ่งนี้ (28 เม.ย. 2564) ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เรียกภาคเอกชน ทั้ง ส.อ.ท. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สภาธุรกิจท่องเที่ยว และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง เข้าไปหารือเกี่ยวกับความต้องการการจัดหาและกระจายวัคซีนของทางภาคเอกชน จะมีการเสนอแนวทางการผ่อนปรนระเบียบเงื่อนไขการจัดหาวัคซีนในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ เนื่องจากระเบียบเดิมของรัฐบาลค่อนข้างล่าช้า
โดยในส่วนของ ส.อ.ท.เบื้องต้นทางคลินิกเสริมความงามกว่า 50 บริษัท ที่มีสาขาทั่วประเทศ ได้แจ้งความประสงค์มายังว่า พร้อมที่จะให้ความร่วมมือช่วยภาครัฐฉีดวัคซีนให้กับประชาชนแต่ละพื้นที่ พร้อมทั้งบุคลากรทางการแพทย์ และพยาบาล รวมไปถึงโรงงานและปั๊มน้ำมันซึ่งได้ความร่วมมือจากอุตสาหกรรมจังหวัด