เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 24 ก.ค.2563 กลุ่มนิสิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในนาม "กลุ่มมอกะเสด" ร่วมกับเครือข่าย จัดแฟลชม็อบ แสดงเจตนารมณ์ถึงอำนาจประชาชน ภายใต้ แฮชแท็ก #ประชาชนเป็นใหญ่ในแผ่นดิน และ #ให้มันจบที่รุ่นเรา ที่บริเวณหน้าหอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยยืนยันข้อเรียกร้องของเครือข่ายเยาวชนปลดแอก ทั้ง 3 ข้อ คือ ให้รัฐบาลยุบสภา ให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และหยุดใช้อำนาจรัฐคุกคามประชาชน โดยมีอดีตศิษย์เก่า รวมถึงนักศึกษามหาวิทยาลัยต่างๆ และนักเคลื่อนไหวทางสังคม เข้าร่วมประมาณ 200 คน

น.ส.ชุติมน กฤษณปาณี นิสิตปี 4 คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นตัวแทนอ่านแถลงการณ์ ย้ำถึงความล้มเหลวในการบริหารประเทศและแก้ปัญหาให้ประชาชนของรัฐบาล และการใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่ไม่เห็นหัวประชาชน ส่วนการที่ฝ่ายรัฐบาลพยายามตั้งกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อรับฟังความคิดเห็นประชาชนและนักศึกษานั้น นิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ยืนยันว่า "จะไม่เข้าร่วม" เพราะไม่ให้ความไว้วางใจรัฐบาลอีกต่อไป พร้อมเรียกร้องต่อสังคมไทย คือ  

1.ต้องส่งเสริมประชาธิปไตยและสิทธิเสรีภาพของประชาชน

2.​ จัดทำรัฐสวัสดิการให้ประชาชนอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม 

3. แก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย 

4. ยกเลิกการมีวุฒิสภา หรือให้ ส.ว.มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด 

5.​ กระจายอำนาจจากส่วนกลางสู่ภูมิภาค

ซึ่งข้อเรียกร้องทั้งหมดไม่ได้สื่อสารไปยังรัฐบาล เพราะคิดว่ารัฐบาลไม่ฟังแน่นอน ดังนั้น ข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลมีเพียงข้อเดียวคือต้องลงจากอำนาจ

ขณะที่ นายภาณุพงศ์ จาดนอก จากกลุ่มเยาวชนภาคตะวันออกเพื่อประชาธิปไตย ปราศรัยตอนหนึ่ง กล่าวถึงการชุมนุมที่จะกระจายในหลายจุดและถี่ขึ้นของเยาวชนนักศึกษา และยืนยันว่า นักศึกษา มีความรู้ความเข้าใจมากกว่า "สมอง 84,000เซลล์" แน่นอน และกล่าวถึงทัศนคติของคนที่มองว่าเยาวชนและศึกษายังเป็นเด็ก ไม่ควรมายุ่งเกี่ยวการเมือง ซึ่งย้อนแย้งกับคำกล่าวที่ว่า "เด็กคืออนาคตของชาติ" ดังนั้น ต้องยอมรับการชุมนุมของคนรุ่นใหม่ที่เป็นอนาคตของชาติด้วย พร้อมยื่นยันว่า หากรัฐบาลไม่ตอบรับข้อเสนอของเยาวชนนักศึกษา ก็จะต้องมีการชุมนุมใหญ่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน

นายภานุพงศ์ ย้ำทิ้งท้ายด้วยว่า ตนเดินทางมาจากระยองเพื่อร่วมกิจกรรมครั้งนี้ ซึ่งจังหวัดระยองอยู่ในดินแดนที่พระเจ้าตากสินมหาราช สามารถกอบกู้เอกราชได้ ทำไมตนเองและชาวระยอง รวมถึงคนภาคตะวันออก จะกอบกู้ประชาธิปไตยกลับมาไม่ได้

ส่วน นายอานนท์ นำภา ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนและแกนนำกลุ่มพลเมืองโต้กลับ กล่าวว่า การชุมนุมห้วงที่ผ่านมา เป็นกำลังของเยาวชนนักเรียนนิสิตนักศึกษา ขณะที่กลุ่มวัยกลางคน หรือ "ลุงๆป้าๆ" ก็เป็นกำลังสำคัญที่คอยสนับสนุนและดูแลคนรุ่นใหม่ในการจัดกิจกรรมทุกครั้ง โดยจากการชุมนุมช่วงที่ผ่านมา คนรุ่นใหม่ได้ชัยชนะ 3 อย่างคือ 1.​ สามารถชุมนุมโดยสันติ ปราศจากอาวุธ 2.ชนะใจตนเองและคนในสังคม จนมีผู้มีชื่อเสียงและดารานักแสดงออกมาสนับสนุน 3.​ ชนะฝ่ายเผด็จการที่ป้ายสีว่าการชุมนุมของเยาวชนเป็น "ม็อบหมิ่นเบื้องสูง" แต่สังคมเห็นว่าเป็นการชุมนุมเพื่อประชาธิปไตย 

นายอานนท์ ระบุถึง พ.อ.หญิงนุสรา วรภัทราทร อดีตรองโฆษกกองทัพบก ที่กล่าวหาและสบประมาทว่า การชุมนุมของคนรุ่นใหม่เป็นม็อบมุ้งมิ้งว่า "เป็นมุ้งมิ้ง ดีกว่าเป็นกองทัพที่มูมมาม มองไม่เห็นหัวประชาชน" และกล่าวถึง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ที่ออกมาระบุว่า จะไม่เอาผิดกับ "เพนกวิน" หรือนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ แกนนำสหภาพนักเรียน นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) แต่จะใช้แบทแมนมาจัดการ ว่า ผบ.ทบ.เป็นบุคคลสำคัญ ทำให้เห็นว่ามีนัยตามคำพูดนี้ เนื่องจาก แบทแมน ใช้วิธีการนอกกฎหมายจัดการคนอื่น

นายอานนท์ ยังกล่าวถึงความไม่ชอบมาพากล ที่ "ทายาทกระทิงแดง" หลุดคดี เพราะอัยการสั่งไม่ฟ้องในทุกข้อกล่าวหา จากกรณีขับรถชนตำรวจนายหนึ่งเสียชีวิตเมื่อปี 2555 ด้วย ซึ่งสะท้อนการเลือกปฏิบัติในกระบวนการยุติธรรมระหว่างคนจนกับคนรวยอย่างชัดเจน โดยเทียบกับกรณีของ "ไผ่ ดาวดิน" ที่แชร์โพสต์ข่าวก็ถูกจำคุก รวมถึงที่นักกิจกรรมถูกทำร้ายร่างกายที่ไม่สามารถจับผู้กระทำความผิดได้ ตลอดจนการคุกคามและดำเนินคดีกับประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่เห็นต่างจากรัฐบาล พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่า ถ้าฝ่ายประชาธิปไตยชนะ จะพาตัวผู้ลี้ภัยทางการเมืองไปต่างประเทศกลับคืนสู่ประเทศไทยอย่างภาคภูมิ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• 'เอกชัย-สาธิต' ไป ทบ.ขอพบ 'อภิรัชต์' - ตุลย์ชวนฟังสลิ่มบ้าง
• แฟลชม็อบ 'เตรียมอุดม' ขับไล่เผด็จการ-ลั่นหมดเวลายอมจำนน
• ภาคีนศ.ฯ เผารูป 'ประยุทธ์-ประวิตร' จี้ลาออก เปิดทางแก้ รธน. จัดเลือกตั้งใหม่
• มอง ‘เยาวชนปลดแอก’ เมื่ออุดมการณ์โดยรัฐไทยก้าวไม่ทันความเปลี่ยนแปลง : เวียงรัฐ เนติโพธิ์
• จุดพลุแฟลชม็อบภาคแรก ถึง 'พลังแฮชแท็กม็อบ' จุดไฟไล่ 'ประยุทธ์' ลุกลามทั่วประเทศ ภาค 2