ไม่พบผลการค้นหา
“ผมคิดว่าเรื่องนี้ควรจบดีกว่า อย่าให้บานปลาย” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม กล่าวถึงฝ่ายค้านจองคิวยื่นกระทู้ถามสดในสภาฯ ปมถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบตามรัฐธรรมนูญ กลางโรงเรียนนายร้อย จปร.จ.นครนายก

แต่ดูเหมือนฝ่ายค้านจะไม่จบง่ายๆ ซึ่งต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กำลังหาทางแก้ไข จึงมีการมองว่าการกล่าวเช่นนี้ เท่ากับว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นหรือไม่ แม้จะยืนยันว่าทำครบถ้วนก็ตาม

เมื่อสื่อซักถามถึงแนวทางแก้ไข พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า “ก็กำลังหาทาง ไม่รู้จักคำว่าหาทางหรืออย่างไร เอาล่ะ เรื่องนี้ผมจะทำของผมเอง”

โดยกระทู้ถามสดกลางสภาฯ ถูกเลื่อนออกไปจากวันที่ 7ส.ค. เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ ติดภารกิจลงพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่นายกฯ ก็ได้กล่าวรับประกันว่าตนหาทางออกได้แน่นอน

“คงรอไปก่อน เรื่องบางเรื่องต้องฟังเหตุฟังผลกันบ้าง ถ้าเอาทุกอย่างมาผูกกันหมดจะแก้ไขปัญหาไม่ได้ ขอให้ไว้ใจผม เชื่อว่าผมทำได้และต้องทำให้ได้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

แต่ฟากฝั่งฝ่ายค้านไม่จบเรื่องนี้ง่ายๆแน่นอน หลัง ‘สมพงษ์ อมรวิวัฒน์’ ว่าที่ผู้นำฝ่ายค้านฯ ระบุว่า หากนายกฯไม่มาตอบกระทู้สดก็ต้องเลื่อนไปจนกว่านายกฯจะมีเวลามาตอบด้วยตนเอง

สถานการณ์เช่นนี้ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

แม้แต่ ‘วิษณุ เครืองาม’ รองนายกฯ ก็พยายามหลีกเลี่ยงการพูดถึงเรื่องนี้ โดยสัปดาห์ก่อนได้ทิ้งท้ายว่า “แล้ววันหนึ่งจะรู้เองว่าทำไมถึงไม่ควรพูด” ทำให้เกิดการตีความกันไปยกใหญ่

แม้ภายหลัง ‘วิษณุ’ จะออกมาชี้แจงว่า “เป็นวิธีหนึ่งของโวหาร ในการที่จะไม่ต้องตอบในขณะนี้”

โดย ‘วิษณุ’ ย้ำถึงการที่รัฐบาลใหม่มีอำนาจในการทำงาน ว่า 1.ได้เข้าสู่กระบวนการในการถวายสัตย์ฯแล้ว 2.ได้พระราชทานพรแล้ว 3.ได้แถลงนโยบายแล้ว และ 4.ลงมือทำงานกันไปแล้ว

ซึ่ง ‘วิษณุ’ เองก็ไม่ทราบและไม่ขอตอบถึง ‘แนวทางแก้ไข’ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุนั้นจะเป็นอย่างไร ทำให้ถูกมองว่าแม้แต่ ‘นักกฎหมาย’ ระดับพระกาฬเจอเรื่องนี้ไป ก็แทบไปต่อไม่ถูก



ครม-สมคิด-วิษณุ-ถวายสัตย์

โดยสิ่งที่ รองนายกฯวิษณุ ระบุก็ตรงกับการออกมาพูดของ ‘เสธ.อ้าย’ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานเตรียมทหารรุ่น 1 ที่พูดในงานวันสถาปนา ร.ร.นายร้อย จปร. ครบรอบ 132 ปี ทั้งที่สื่อยังไม่ได้ถามถึงกรณีการถวายสัตย์ปฏิญาณ โดยได้เปรียบกับการรายงานตัวของทหารต่อผู้บังคับบัญชา ว่าถ้าผิดก็จะต้องโดนทักท้วงให้กล่าวใหม่

“เช่นเดียวกับทหารเมื่อไปรายงานตัวจะผิดหรือถูกก็แล้วแต่ผู้บังคับบัญชา หากผิดก็ต้องสั่งให้พูดใหม่ แต่ท่านพระราชทานพระบรมราโชวาท ก็จบแล้ว ก็ว่ากันไปเรื่อย ฝ่ายค้านก็ต้องหาเรื่อง” พล.อ.บุญเลิศ กล่าว

ด้านพรรคประชาชาติ ฝ่ายค้านที่รุกหนักเช่นกัน นำโดย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรค ย้ำถึงรัฐธรรมนูญ มาตรา 5 ที่ การกระทําใดที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ จะทำให้บทบัญญัติหรือการกระทํานั้นเป็นอันใช้บังคับมิได้ โดยคำกล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณมีระบุถึงอยู่ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 161

ทั้งนี้ พ.ต.อ.ทวี ได้ตอบโต้ พล.อ.ประยุทธ์ ถึงกรณีที่ระบุ อย่าให้เรื่องนี้บานปลาย จะดีไม่ดีอย่างไรก็ไปรอเลือกตั้งคราวหน้านั้น หลังพูดที่ ร.ร.นายร้อย จปร. ว่า เป็นการพูดแบบไม่รับผิดชอบ ในสิ่งที่ได้กระทำไปไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ทั้งนี้ท่อนที่อ้างว่า พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตกหล่นที่ว่า “ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ” มีการตีความกันไปถึงเรื่องการยึดมั่นรัฐธรรมนูญ ของรัฐบาลในอนาคตด้วย เพราะการกล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณสำหรับทหาร ถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างมาก

หากเทียบประโยคเต็มทั้งหมด คือ “ข้าพระพุทธเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาณ) ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพระพุทธเจ้าจะจงรักภักดี ต่อพระมหากษัตริย์ และจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ”

ทุกอย่างในเวลานี้จึงเป็นการตั้ง ‘สมมุติฐาน’ ว่าสุดท้ายแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น เกิดโดย ‘ตั้งใจ’ หรือ ‘ผิดพลาด’ ? หรือ ‘มีเจตนา-ไม่มีเจตนา’ ?


ประยุทธ์ 00000.jpg

โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวถึงความคืบหน้าการหาทางแก้ และกล่าวถึงคำว่าให้ดู ‘เจตนา’ เป็นครั้งแรก ว่า “เดี๋ยวคงเรียบร้อยนะ เพราะผมไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้ผิด เขาดูกันที่เจตนา” หากดูจากรูปประโยค จะเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ กำลังหาทางออกจากเรื่องนี้ โดยมีการใช้คำเพื่อแสดงออกถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ว่า ไม่ได้ตั้งใจทำให้เกิดขึ้น


ประยุทธ์-ถวายสัตย์.jpg

ทั้งหมดนี้จึงต้องดูว่ารัฐบาลจะมีทางออกจากเรื่องนี้อย่างไร ซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดิน ก็มีมติรับคำร้องพิจารณากรณีการกล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบ ขัดรธน.หรือไม่แล้ว จึงต้องดูว่าจะมีการส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลปกครองวินิจฉัยหรือไม่

แต่อย่าลืมว่าการ ‘ถวายสัตย์ปฏิญาณ’ เป็นช่วงรอยต่อ ‘สถานการณ์พิเศษ’ ในยุค คสช. กับการเ��้าสู่ ‘สถานการณ์ปกติ’ ที่อำนาจ คสช. สิ้นสุดเมื่อ ครม.ใหม่ถวายสัตย์ปฏิญาณ จึงมีการมองว่า หากฝ่ายค้านระบุว่า ครม. ถวายสัตย์ปฏิญาณไม่สมบูรณ์ จะทำให้ คสช. ยังไม่สิ้นสภาพ

และรัฐบาลใหม่ยังไม่มีอำนาจเต็มใช่หรือไม่ ทว่ารัฐบาลใหม่ก็แถลงนโยบายต่อรัฐสภาไปเรียยร้อยแล้ว

และฝ่ายค้านก็อยู่ในสภาเช่นกัน ถือเป็นการ ‘ยอมรับอำนาจ’ ของรัฐบาลด้วยหรือไม่ด้วย แต่ก็เป็นการยากที่จะย้อนกลับไปสู่การเป็น คสช. อีก เพราะทุกอย่างเดินผ่านขั้นตอนต่างๆมาแล้ว

แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็น ‘หนามยอกอก’ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่น้อย

“ผมขอเป็นผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวเรื่องประเด็นรัฐธรรมนูญ ผมเป็นห่วงกังวลอย่างเดียวทำยังไงถึงทำงานได้ ก็ขอให้ทุกคนทำงานต่อไป ยังไงก็ตามก็ต้องไปศึกษารัฐธรรมนูญดูว่ามีเขียนว่าอย่างไร เพราะนั้นยังไงรัฐบาลก็ยังมีรัฐบาลอยู่ ก็ขอโทษบรรดารัฐมนตรีด้วย เพราะผมถือว่าผมได้ทำของผมเต็มที่แล้ว”  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมชี้แจงนโยบายรัฐบาลเร่งด่วน 12 ข้อ ที่จะผลักดันให้เเล้วเสร็จภายใน 1 ปี ต่อผู้บริหารระดับสูง และหัวหน้าส่วนราชการเมื่อช่วงเช้าวันที่ 8 ส.ค.

ด้วยสถานการณ์ ‘บีบหัวใจ’ จะจบแบบมี ‘เซอร์ไพรส์’ หรือไม่ หรือจบตามขั้นตอนระบบที่เข้าใจกันได้ อย่าได้กะพริบตา !!

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปริศนา ลายพราง
164Article
0Video
39Blog