เกิดเพลิงไหม้อพาร์ทเมนต์ภายในซอยเพชรบุรี 18 เป็นอาคารแบ่งให้เช่าอาศัย 15 ชั้น ห่างจากปากซอยราว 100 เมตร พบกลุ่มควันลอยออกมาจากภายในตัวอาคารจำนวนมาก อาคารแห่งนี้มีผู้อาศัยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยช่วงเกิดเหตุผู้อาศัยต่างออกมายืนตะโกนและใช้แสงไฟจากโทรศัพท์มือถือเพื่อบอกตำแหน่งตัวเองและขอความช่วยเหลือ
ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว แต่ยังมีกลุ่มควันอยู่บางส่วน โดยเฉพาะชั้นที่ 12 เจ้าหน้าที่ทยอยช่วยเหลือผู้ติดค้างภายในอาคาร มีบางส่วนขึ้นไปอยู่บนดาดฟ้า และผู้บาดเจ็บส่วนใหญ่มีอาการสำลักควัน และเป็นแผลพุพองเพราะโดนความร้อนราว 61 คน เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย เจ้าหน้าที่ทำการปิดการจราจรชั่วคราวบริเวณแยกประตูน้ำถึงแยกราชเทวีเพื่อเคลียร์พื้นที่เกิดเหตุแล้ว
ด้าน พล.ต.ต.เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เปิดเผยว่า ต้นเพลิงเกิดจากห้องเดินสายไฟบนชั้น 5 และลุกลามไปตามช่องชาร์ป (ช่องว่างที่ภายในจะเป็นจุดรวมของท่อประเภทต่างๆ)
อย่างไรก็ตามอุปสรรคสำคัญของการทำงานครั้งนี้ คืออพาร์ตเมนต์ตั้งอยู่ในซอยแคบ ทำให้รถกระเช้าซึ่งมีขนาดใหญ่เข้าไปได้ยาก ต้องใช้รถขนาดเล็กเข้าไปดับไฟ นอกจากนี้กทม.ได้ประสานเฮลิคอปเตอร์โรงพยาบาลตำรวจเพื่อเข้าช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่บริเวณชั้นบนอีกทางหนึ่ง แต่บนดาดฟ้าของอาคารไม่มีที่จอดเฮลิคอปเตอร์เพื่อช่วยลำเลียงประชาชนจากชั้นบนออกจากอาคาร เจ้าหน้าที่จึงต้องเดินเท้าเข้าไปช่วยเหลือและนำออกมาจากอาคารให้เร็วที่สุด
ทั้งนี้อาคารแห่งนี้ได้รับอนุญาตก่อสร้างตั้งแต่ปี 2530 ก่อนกฎกระทรวงฉบับที่ 33 (พ.ศ. 2535) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ใช้บังคับ ซึ่งมีข้อกำหนดเกี่ยวกับระบบดับเพลิงและป้องกันอัคคีภัยของอาคารสูงไว้ อาคารจึงไม่ถูกบังคับให้ต้องมีระบบสปริงเกอร์ดับไฟ ที่ว่างรอบอาคาร 6 เมตร และถนนสาธารณะซึ่งต้องมีความกว้าง 10 เมตร ทำให้ไม่มีระบบป้องกันอัคคีภัยที่พร้อมมากนัก ซึ่งสำนักการโยธา และสำนักงานเขต จะได้ดำเนินการตรวจสอบในรายละเอียดอื่นๆต่อไป
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ กทม.ได้สั่งการให้งดใช้อาคารชั่วคราว พร้อมมอบหมายให้สำนักการโยธา กทม.และสำนักงานเขตราชเทวี ร่วมกันตรวจสอบอาคารอย่างละเอียด รวมถึงจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ เพื่อให้การช่วยเหลือแก่ประชาชน ผู้ได้รับผลกระทบและความเสียหายในเบื้องต้น
สรุปผู้เสียชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้รวม 3 ราย (ที่เกิดเหตุ 1 ราย, อีก 2 รายเสียชีวิตที่โรงพยาบาล) ส่วนผู้บาดเจ็บ 61 คน (รักษาตัวในโรงพยาบาล 29 คน, รอผลการรักษา 17 คน และให้กลับบ้านได้ 15 คน)
ภาพ : ร่วม"ว.5"