นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านฯ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เมื่อวานนี้ (26 พ.ค.) พวกเราทั้ง 4 คน ประกอบด้วยนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล, นพ.พรหมินทร์ เลิศสุรย์เดช, นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี และตน ซึ่งเคยทำงานการเมืองร่วมอุดมการณ์เดียวกันมา และยังคงมีความห่วงใยในปัญหาของบ้านเมือง ได้มีโอกาส พบปะและพูดคุยกับเพื่อนๆ จากหลากหลายสาขาวิชาชีพ หลากหลายประสบการณ์ และหลากหลายวัย อาทิ นักธุรกิจ, นักเขียน, กลุ่มผู้ทำงานด้านสตาร์ทอัพด้านไอที, นักวิชาการ, สื่อมวลชน, ตัวแทนเยาวชน คนรุ่นใหม่ รวมทั้งกลุ่มบุคคลสำคัญที่มีชื่อเสียงในแวดวง การเมือง เศรษฐกิจและ สังคม ประมาณกว่า 30 คน ที่สำนักงานแห่งหนึ่งย่านถนนพระราม 9
นายภูมิธรรม เปิดเผยด้วยว่า การพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นครั้งนี้ เป็นการพบปะร่วมกันครั้งแรก หลังจากที่ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความเห็นกันเป็นรายบุคคล มาช่วงระยะเวลาหนึ่ง พวกเราเห็นตรงกันว่าบรรยากาศของบ้านเมืองในปัจจุบันต่างสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ ในสังคม ที่คับข้องใจและเป็นกังวลกับอนาคตทั้งของตนเองและประเทศชาติเป็นอย่างยิ่ง
และตลอดเวลากว่า 3 ชั่วโมง ที่ประชุมสรุปความเห็นร่วมกันว่า เรื่องการจัดตั้งพรรคการเมืองนั้น ยังไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด ที่จะพิจารณาในขณะนี้ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือ การมุ่งให้ความสำคัญ กับการนำเสนอแนวคิด ด้านเศรษฐกิจ การเมืองและสังคม ที่สะท้อนทางเลือกและทางรอดของสังคมไทย โดยคาดว่าจะมีการหารือกันต่อในครั้งหน้า เกี่ยวกับกรอบการทำงานร่วมกัน 3 ระยะ คือ ระยะสั้นควรมีการนำเสนอให้สังคมได้เห็นถึงปัญหาและผลกระทบอย่างรุนแรงที่ทำให้เศรษฐกิจยากต่อการฟื้นตัว หากยังยืนยันที่จะคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินเอาไว้ และที่ยิ่งน่ากังวลมากขึ้นคือพ.ร.ก.ฉุกเฉินจะกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่เป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ
สำหรับกรอบการทำงานระยะกลาง คือ ในช่วงเวลา 150 วันนับจากนี้ ที่ประชุมคาดการณ์ตรงกันว่า วิกฤติเศรษฐกิจจะมีแนวโน้มรุนแรงอย่างมาก และจะส่งผลกระทบโดยตรงแก่ประชาชนในประเทศ ทางกลุ่มน่าจะมีการนำเสนอทางเลือกให้สังคม เนื่องจากวิกฤติการณ์ประเทศในอีก 150 วันข้างหน้านั้น มีระเบิดเวลาทางเศรษฐกิจลูกใหญ่ที่รออยู่ และมาตราการต่างๆ ที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ในขณะนี้ ไม่สามารถช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศทั้งระบบออกจากห้อ งICU ได้เลย
ส่วนกรอบการทำงานระยะยาวที่ประชุมเห็นร่วมกันว่า หากสังคมไทย ไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้มีความเป็นประชาธิปไตย และให้มีหลักประกันที่จะสร้างการมีส่วนร่วมของคนในสังคม และการมีกลไกตรวจสอบให้เกิดสมดุลย์ในการพัฒนาประเทศ ตัวรัฐธรรมนูญเองคือปัจจัยที่ก่อให้เกิดการขัดขวาง การแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ชึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหาย อย่างหนักกับประเทศในอนาคต
ที่ประชุมเห็นพ้องกันว่า ปัจจุบัน สังคมไทย เกิดความอับจนและตกต่ำอย่างหนักทางด้านสติปัญญา ในการแสวงหาทางออกให้สังคม และโหยหาการเปลี่ยนแปลงที่จะนำพาสังคมให้มีอนาคตเกิดขึ้นแก่ทุกคน จึงคาดหวังให้การรวมกันของพวกเราสามารถขยายตัวเติบใหญ่ขี้น และสามารถพัฒนา ไปเป็นกลไกหรือองคาพยพในการเปลี่ยนแปลงสังคมไปในทิศทางที่ดีกว่า และการพูดคุยกันครั้งหน้าผมคิดว่าเราน่าจะมีความชัดเจนเรื่องชื่อกลุ่ม รวมทั้ง การสื่อสารความคิดของกลุ่มต่อสาธารณะ ซึ่งคาดว่าคงจะมีกลุ่มบุคคลที่จะมาร่วมคิดร่วมคุยในแวดวงที่กว้างขวางมากยิ่งขึ้น
สุดท้าย นายภูมิธรรม บอกด้วยว่า มีประโยคหนึ่งในการประชุมของตัวแทนเยาวชนที่บอกว่า "คนรุ่นใหม่ในวันนี้ถูกทำลายความหวังและความฝันโดยคนรุ่นเก่า เพราะบริบทสังคมไทยวันนี้ไม่เอื้อให้เห็นอนาคตของศตวรรษที่ 21 แต่พาพวกเรากลับไปสู่โลกของอดีต" ทำให้ตนคิดว่าพวกเรายิ่งต้องช่วยกันฝ่าวิกฤติใหญ่ครั้งนี้ไปให้ได้เพื่ออนาคตของประเทศและลูกหลานในวันข้างหน้า